15 มิ.ย. 68 - สส.เซีย พรรคประชาชน เผยความคืบหน้าร่างแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เพิ่มสิทธิลาคลอดจาก 90 วันเป็น 120 วัน ขยายความคุ้มครองครอบคลุมข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ ผ่านชั้นกรรมาธิการแล้ว เตรียมพิจารณาในสภา วาระ 2 และ 3 หลังเปิดสมัยประชุม

image

          นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน ในส่วนของสิทธิลาคลอด 180 วัน โดยระบุว่า ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเปิดสมัยประชุมอีกครั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ โดยนโยบายลาคลอด 180 วัน เป็นหนึ่งในข้อเสนอที่พรรคก้าวไกลเคยใช้ในการหาเสียงเมื่อปี พ.ศ. 2566 แม้ภายหลังไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่กลุ่ม สส.เครือข่ายแรงงานได้ร่วมกันผลักดัน โดยเสนอร่างกฎหมายรวม 4 ฉบับ ซึ่งมีร่างแก้ไข พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานจำนวน 2 ฉบับ หนึ่งในนั้นคือร่างลาคลอด 180 วัน และต่อมา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้เสนอร่างกฎหมายลาคลอดอีกฉบับเข้ามาประกบกัน และเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2567 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ โดยกำหนดให้ร่างของ ภท.เป็นฉบับหลัก พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 36 คน เพื่อพิจารณาร่วมกัน

          นายเซีย ยังระบุว่าในระหว่างการพิจารณา คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากถึง 28 ครั้ง และในวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีมติเห็นชอบในสาระสำคัญ 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ การเพิ่มสิทธิลาคลอด โดยกำหนดวันลาคลอดใหม่เป็น 120 วัน จากเดิมที่ได้เพียง 90 วัน หากบุตรที่คลอดออกมามีปัญหาด้านสุขภาพ มารดาสามารถลาเพิ่มเติมได้อีก 15 วัน ขณะที่คู่สมรสของผู้คลอดสามารถลาเพื่อช่วยดูแลบุตรได้อีก 15 วัน เช่นกัน ประเด็นที่สอง คือขยายความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน จากเดิมที่ใช้กับแรงงานในภาคเอกชน ให้ครอบคลุมไปถึง ข้าราชการในราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ทั้งนี้ยอมรับว่า รู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถผลักดันให้ลาคลอดได้ถึง 180 วันตามที่เคยหาเสียงไว้ แต่ถือว่าเป็นความคืบหน้าและความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะถือเป็นการปรับเพิ่มสิทธิลาคลอดครั้งสำคัญในรอบหลายสิบปี และที่สำคัญคือการขยายความคุ้มครองแรงงานไปยังภาคราชการและหน่วยงานของรัฐ ถือเป็นเรื่องที่ภาคแรงงานเรียกร้องมานาน และครั้งนี้สามารถบรรลุผลได้แล้วในชั้นกรรมาธิการ อย่างไรก็ตามขอฝากให้ประชาชนและผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยจะมีการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเร็ว ๆ นี้

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง (แฟ้มภาพ)

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ