พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีความกังวลว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จะหลบหนีออกนอกประเทศ ว่า หน้าที่ของพนักงานสอบสวนนอกจากแสวงหาข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ความบริสุทธิ์และความผิดแล้ว ยังต้องมีหน้าที่สำคัญ คือ นำตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ โดยในเรื่องนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เวลาทำคดีก็จะดูทุกเรื่อง ซึ่งมีสำนักสืบสวนสะกดรอยอยู่ เมื่อรับเป็นคดีพิเศษแล้วก็จะสืบสวนติดตาม โดยกรณีนี้จะได้ประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจตราผู้ที่ออกนอกประเทศด้วย
ส่วนจะสืบหาไปถึงตัวการใหญ่ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับบริษัทผู้รับเหมา และนอมินีก่อสร้างอาคารดังกล่าว จะสามารถสืบสวนไปถึงหรือไม่ พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม ในส่วนของกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการจัดการกับผู้มีอิทธิพลอยู่แล้ว ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย หากพยานหลักฐานไปถึงก็ต้องดำเนินการ และเมื่อเช้าที่ผ่านมา ยังได้รับฟังข้อมูลจากพนักงานสอบสวนที่เสนอมา ก็ถือว่าดำเนินการอย่างรอบคอบ
ส่วนกรอบระยะเวลาในการดำเนินการคดีนี้ พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า เนื่องจากเป็นคดีที่มีความสูญเสียมาก การดำเนินการด้วยความรวดเร็วตามพยานหลักฐานจะสร้างความพึงพอใจได้ เช่น การตรวจสอบ พบคนไทยที่มีรายชื่อเกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการแล้ว
เมื่อถามว่าบริษัทดังกล่าวรับงานภาครัฐไปหลายโครงการ จะทำให้การสอบสวนชะงักหรือไม่ พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า ตอนนี้ทำเรื่องนี้ก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการ ซึ่งได้สอบถามถึงหลักฐานทางทะเบียนของบริษัทกิจการร่วมค้าหรือจ๊อยท์เวนเจอร์ ปรากฏว่ากระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่าไม่ได้รับผิดชอบ โดยรับผิดชอบเฉพาะบริษัทนิติบุคคล ตามที่กฎหมายแพ่งกำหนด ดังนั้น ข้อมูลจึงไปอยู่ที่กระทรวงการคลัง แต่กระทรวงการคลังเองก็ไม่ได้ทำทะเบียนไว้ จึงต้องไปไล่ตรวจสอบการเสียภาษีกับสรรพากรต่าง ๆ ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่น่าจะมีผู้รับผิดชอบ อาจจะเพิ่มงานให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดู เพราะอย่างน้อยเชื่อว่าน่าจะมี 2-3 บริษัทร่วมทุนกัน ซึ่งบริษัทที่ไม่ใช่ของคนไทยกระทรวงพาณิชย์ก็ดูอยู่แล้ว และที่สำคัญ เมื่อไปอ่านสัญญาพบว่าก็มีช่องว่าง ซึ่งประเทศไทยมีกฎหมายดี ๆ อยู่มาก แต่การบังคับใช้กลับเป็นส่วน ๆ ขาดการบูรณาการเท่าที่ควร เหมือนเป็นอาณานิคมของกฎหมายหน่วยใดหน่วยหนึ่ง ดังนั้น ดีเอสไอจึงต้องประสานงานกัน แม้แต่เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งการเข้าไปสู่เนื้องาน เช่น การเข้าไปเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งการช่วยชีวิตถือเป็นอันดับแรก แต่หากปล่อยให้วัตถุพยานถล่มลงไปเลย ก็จะไม่มีพยานหลักฐานไปยืนยัน จึงขอให้ดำเนินการประสานและพยายามเก็บวัตถุพยานให้ได้มากที่สุด พนักงานสอบสวนต้องประสานกับนิติวิทยาศาสตร์ และวิศวกรต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้ที่เข้าไปช่วยชีวิตน่าจะบันทึกภาพไว้ด้วย
เมื่อถามว่ากรณีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ รับโครงการอื่นของรัฐ จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและหารือกับนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า มีหน่วยงานที่คงต้องนำข้อมูลไปให้ เช่น เบื้องต้นที่ตรวจจากสรรพากรพบว่ามีการทำกิจกรรมร่วมค้า 29 โครงการมูลค่า 20,000 กว่าล้านบาท แต่จะโฟกัสไปในกรณีนี้ก่อน ส่วนกรณีอื่นต้องส่งไปให้ภาครัฐตรวจสอบ
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง