นายกันต์พงษ์ ประยูรศักดิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม กมธ. ภายหลังพิจารณากรณีสภาพปัญหาและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการเผยแพร่หรือโฆษณาสินค้าและบริการผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยเชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม อาทิ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) , กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ร่วมให้ข้อมูล
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงว่า ในปีที่ผ่านมาได้มีการยึดทรัพย์จากคดีฉ้อโกงและการพนันผิดกฎหมายกว่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการจัดการกับโฆษณาผิดกฎหมายยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง ทำให้การควบคุมยังล่าช้า ที่ประชุมจึงได้ร่วมหาทางออกแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการเสนอแผนจัดการผ่าน "4D โมเดล" ได้แก่ 1. Detect การตรวจจับโฆษณาผิดกฎหมายด้วยระบบตรวจสอบและใช้ AI ในอนาคต 2. Delete ลบเนื้อหาผิดกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันใช้เวลานานถึง 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการทางศาล 3. Data การจัดการและยืนยันตัวตนผู้ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างเข้มงวด เนื่องจาก พ.ร.ฎ. การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 (กฎหมาย DPS) ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ยังไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควร ทำให้ยังมีการแฝงโฆษณาผิดกฎหมายเข้ามาในแพลตฟอร์ม และ 4. Digital Service Law (กฎหมายควบคุม) ด้วยการเสนอให้มีการตรากฎหมายเฉพาะสำหรับการควบคุมแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่นเดียวกับกฎหมาย Digital Service Act ของยุโรป ว่าด้วยการการคุ้มครองเนื้อหาบนแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้มีกฎหมายและมาตรการดูแลแอปพลิเคชันต่างๆ บนแพลตฟอร์มที่ชัดเจน เพราะดีอี ได้พบข้อมูลว่า ยังมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีกประมาณ 6 - 7 แพลตฟอร์มที่เข้าข่าย ที่จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ยังไม่สามารถที่จะใช้การลงโทษอย่างจริงจังเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ดังนั้น หากมีการตรากฎหมายเป็นการเฉพาะ เชื่อว่าจะช่วยปกป้องประชาชนจากการฉ้อโกงและโฆษณาผิดกฎหมายบนสื่อออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
