นายพลพีร์ สุวรรณฉวี สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เป็นการจัดงานทำบุญทอดกฐิน ตนได้รับการร้องเรียนปัญหาและทวงถามจากประชาชนอย่างมากเรื่องมาตรการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท และเงินชดเชยตัดอ้อยสด 120 บาทต่อตัน ที่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนทั้งที่เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยว และแม้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ หรือ นบข. เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จะมีมาตรการช่วยเหลือชาวนา แต่มาตรการดังกล่าวไม่ให้ความชัดเจนกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เหมือนกับโครงการเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท และไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกินครัวเรือนละ 20,000 บาท ตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของรัฐบาลที่เคยมีก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกรไม่ใช่เพียงการช่วยค่าเมล็ดพันธุ์ หรือชดเชยรายได้ช่วงราคาข้าวตกต่ำเท่านั้น แต่เป็นการลดภาระต้นทุนการปลูก เกี่ยว เก็บ ให้เกษตรกรสามารถมีรายได้เพิ่มมากขึ้น นำไปต่อยอด ลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ พัฒนาผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นสินค้า เป็นอาหารหลัก เป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งของประเทศ ให้ได้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
นายพลพีร์ กล่าวด้วยว่า ในขณะที่ทั่วโลกกำลังรณรงค์แคมเปญ Net Zero Emissions หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้ พยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ลดฝุ่น PM2.5 แต่สวนทางกับนโยบายที่จะช่วยชดเชยรายจ่ายที่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยต้องแบกรับมากขึ้นจากการตัดอ้อยสดไม่เผา นโยบายชดเชย 120 บาทต่อตัน กลับเงียบหายไป จนขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง