นางสาวนันทนา นันทวโรภาส รองโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... วุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตเสียงกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา หลังประชุมผ่านมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แต่กลับมี 17 ต่อ 1 เสียงให้ทบทวนมติเพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอให้ใช้หลักการของ single majority ที่ยึดหลักใช้เสียงข้างมากปกติ โดย กมธ.วิสามัญฯ ส่อพลิกให้ใช้การลงประชามติแบบ double majority คือ เสียงเกินกึ่งหนึ่งสองชั้น ที่หมายความว่า จะผ่านประชามติได้ ขั้นแรกผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมาออกเสียงประชามติเกินกึ่งหนึ่ง และขั้นที่สองคือผลการออกเสียงประชามติต้องได้เสียงต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง
สว.นันทนา มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ เพราะการประชุม 4 ครั้งก่อนหน้านี้ เห็นตรงกันว่าการทำประชามติควรใช้หลัก single majority ซึ่งประชาชนเข้าถึงง่าย และเป็นจริงมากสุด แต่วันนี้กลับมีมติพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือจะเปลี่ยนมาใช้หลักของ double majority ซึ่งเป็นอุปสรรค ไม่ว่าจะทำประชามติเดี่ยวหรือเป็นคำถามพ่วงก็ตาม เพราะเป็นวิธีที่ทำให้การออกเสียงไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากหากผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ประชามติก็ไม่เกิดขึ้น
สว.นันทนา อธิบายเพิ่มเติมว่า หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบกับร่างของสภาผู้แทนราษฎร จะต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วมกันของสองสภา ใช้เวลาต่อไปอีกอย่างน้อย 60 วัน ซึ่งยิ่งยืดเยื้อ ไม่ทันการเลือกท้องถิ่นในเดือน ก.พ. ปีหน้า เสมือนเป็นการขวางการแก้รัฐธรรมนูญ โดยอาศัยการทำประชามติเป็นเครื่องมือขัดขวาง ส่วนเมื่อตั้ง กมธ.ร่วมกันของสองสภาแล้ว จะเกิดการพลิกกลับไปใช้ร่างกฎหมายประชามติของ สส.หรือไม่ ก็คงต้องแล้วแต่ เพราะถึงตอนนั้นมีสัดส่วนของพรรคการเมืองเข้ามาด้วย
ต่อข้อถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะฝ่ายการเมืองไม่ต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ สว.นันทนา ระบุว่า หากมองในแง่ สว. เชื่อว่าอาจจะเป็นทิศทางของพรรคใดพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ไม่อยากให้ยกร่างรัฐธรรมนูญในสภาสมัยนี้
เรณู เขมาปัญญา ข่าว เรียบเรียง
