นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก เมื่อวันที่ 13 ก.ย.66 อนุมัติกู้เงินเพิ่มในปีงบประมาณ 2567 ตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567 – 2570) เพื่อนำไปประกอบการจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ในการชดเชยขาดดุลเพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ทำให้ประมาณการหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 64% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross domestic product: GDP) ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพิ่งให้สัญญาผ่านการกล่าวปิดการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.66 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบริหารงบประมาณสำหรับทุกนโยบายอย่างมีความระมัดระวัง ไม่ให้กระทบสัดส่วนหนี้สาธารณะที่ 63% สูงขึ้นไปอีกโดยไม่มีเหตุอันควร แต่การปรับปรุงแผนการคลังใหม่นี้ พบว่ากรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี จากเดิมเมื่อต้นปีอยู่ที่ 3.35 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 3.48 ล้านล้านบาท เพิ่ม 1.3 แสนล้านบาท ขณะที่ ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2567 ไว้ที่ 2.78 ล้านล้านบาท มากกว่าที่เคยประเมินเมื่อเดือน ม.ค.66 ไว้ที่ 2.757 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 3 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่าต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุลไป 6.93 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือน ม.ค.66 ที่ 5.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท ทำให้หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64% ของ GDP เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 63% ของ GDP
นางสาวศิริกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า การประมาณการครั้งนี้ แม้ว่าหนี้สาธารณะจะไม่ถึงกรอบที่ตั้งไว้ที่ 70% แต่มีข้อสังเกตน่าสนใจหลายประการ คือ งบประมาณเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.3 แสนล้านบาท คาดว่าน่าจะขยายขึ้นมาเพื่อรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่ก็ยังไม่น่าพอสำหรับวงเงิน 560,000 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการรายได้เพิ่มขึ้นเพียง 3 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลเคยบอกว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้จัดเก็บภาษีเพิ่มได้ 1 แสนล้านบาท ส่วนขยายการกู้ชดเชยขาดดุลไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 65 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จากที่จะกู้เพิ่ม 3% ของ GDP ก็เพิ่มเป็น 3.63% และจากที่จะทยอยลดลงจนเหลือ 2.79% ในปี 70 กลับคงไว้ในระดับสูงที่ 3.36% ส่วนประมาณการว่า GDP จะโตระหว่าง 3.2 - 3.3% ระหว่าง ปี 67-71 เฉลี่ยไม่มีทางถึง 5% ตามที่ได้เคยหาเสียง
นางสาวศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีการใช้จ่ายและตั้งงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยวิธีการกู้มาโปะเพิ่มถึงแสนล้านบาท เพื่อมาใช้จ่ายในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 64% ดังนั้น ในปี 67 นายกรัฐมนตรี ต้องคำนึงถึงวินัยการคลัง เพราะหากเป็นเช่นนี้เป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยตั้งไว้ว่าจะทำงบประมาณสมดุลใน 7 ปีข้างหน้า ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง