นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าพบปะหารือกับ H.E. Mr. Wang Huning (นายหวัง ฮู่หนิง) ประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 22 - 28 มิถุนายน 2568 โดยมีนายวรวีร์ มะกูดี ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา นางนันทนา สงฆ์ประชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-จีน นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ สมาชิกวุฒิสภาและรองประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-จีน นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-จีน นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง นายดำรง พุฒตาล ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา (กิตติมศักดิ์) นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา (กิตติมศักดิ์) นางจงเดือน สุทธิรักษ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายประสิทธิ์ ภักดีพาณิชพงศ์ ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา (กิตติมศักดิ์) นายยง สุขสุดประเสริฐ ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา (กิตติมศักดิ์) นายสงวน ชื่นพาณิชยกุล ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา (กิตติมศักดิ์) นายบุญยงค์ ยงเจริญรัฐ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน และนายอาพล นันทขว้าง ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมพบปะหารือ ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวขอบคุณที่ให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง และกล่าวชื่นชมประธานสภาที่ปรึกษาฯ ว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ดำรงตำแหน่งสมาชิกถาวรกรมการเมือง (โปลิตบูโร) มานานกว่า 10 ปี และเป็นมันสมองให้แก่ประธานาธิบดีจีนถึง 3 คน นอกจากนี้ ยังเคยเป็นคณบดีและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอีกด้วย การมาเยือนจีนครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเมื่อปี 2541 เคยเดินทางมาเยือนแล้วเป็นครั้งแรก ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนายเจียง เจ๋อหมิน ประธานาธิบดี (ในขณะนั้น) และนายหลี่ เผิง ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน (ในขณะนั้น) การแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้นำระดับสูงมีมาอย่างสม่ำเสมอ อาทิ ฝ่ายจีน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เคยเดินทางไปเยือนไทยหลายครั้ง ส่วนฝ่ายไทย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนจีนมากถึง 55 ครั้ง นายกรัฐมนตรีหลายท่าน เคยเดินทางมาเยือนและประชุมที่จีนเช่นเดียวกัน และในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยมีกำหนดจัดงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีกด้วย ความสัมพันธ์ด้านรัฐสภา ในเดือนกรกฎาคม 2568 กลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-จีน จะเดินทางมาเยือนจีน ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ มูลค่าการค้าระหว่างกันในปี 2567 มีจำนวนกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ นักลงทุนจากจีนมาลงทุนในไทยเป็นอันดับ 3 ของนักลงทุนต่างชาติ ด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้านการคมนาคม ทั้งสองประเทศมีโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะแล้วเสร็จในอีกประมาณ 2 - 3 ปีข้างหน้า ทำให้การไปมาหาสู่สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้านการศึกษา จีนมาเปิดสถาบันขงจื๊อในไทยมากถึง 16 แห่ง และได้ส่งครูอาสาสมัครมาสอนภาษาจีนที่ประเทศไทยจำนวนมาก สำหรับการปราบปรามการพนันออนไลน์และมิจฉาชีพที่เกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากฝ่ายจีน และกล่าวชื่นชมนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจนที่สำเร็จได้ภายในระยะเวลาอันสั้น พร้อมฝากความปรารถนาดีไปยังนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน
ด้าน ประธานสภาที่ปรึกษาฯ กล่าวต้อนรับด้วยความยินดีที่ประธานรัฐสภาเดินทางมาเยือนจีนอีกครั้ง หลังจากที่เคยเดินทางมาเยือนแล้วเมื่อปี 2541 ซึ่งการมาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อฉลองครบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย - จีน ไทยกับจีนเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เป็นหุ้นส่วนที่ดี เหมือนลงเรือลำเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีระบอบการปกครองที่แตกต่างกัน เมื่อปี 2565 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางไปเยือนประเทศไทยและบรรลุฉันทามติที่จะเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์โลกที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-จีน ได้แก่ 1. การเสริมสร้างรากฐานประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ชื่นชมไทยที่ยืนหยัดในนโยบายจีนเดียว และกล่าวถึงเขตปกครองตนเองซินเจียงที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน และให้อิสระในการนับถือศาสนาตามกรอบของกฎหมาย 2.การพัฒนารากฐานทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมให้นักธุรกิจจีนไปลงทุนในไทยให้มากขึ้น 3.สนับสนุนให้สองประเทศเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน 4.การฟันฝ่าอุปสรรคในการสร้างอนาคตร่วมกัน การส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการดำเนินงานของวิสาหกิจจีนในต่างประเทศ 5.การฟื้นฟูความยุติธรรมในสังคมโลก คัดค้านการขึ้นภาษีศุลกากรอย่างไม่สมเหตุสมผล สนับสนุนการแก้ไขปัญหาการค้าโดยการเจรจา นอกจากนี้ ยังได้กล่าวแนะนำสภาที่ปรึกษาฯ ว่าป็นสถาบันทางการเมืองที่มีเอกลักษณ์แบบจีน เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจากทุกภาคส่วนในสังคมภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ มีสมาชิกจำนวน 2,100 กว่าคน และมีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 6 แสนคน มีพรรคการเมืองจาก 8 พรรค ประชาชนจาก 56 ชนชาติ และผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ 5 ศาสนา นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเชิญให้ประธานรัฐสภาเดินทางมาเยือนจีนบ่อยครั้ง เพื่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน
สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สผ./ข้อมูล
สำนักประชาสัมพันธ์ สผ./ภาพ
ประมวลผลภาพ
