พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานเปิดสัมมนา "ภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจโลกกับบทบาทของจีน: โอกาสและความท้าทายสำหรับไทย " ซึ่งวุฒิสภา โดย คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง ร่วมกับ กมธ.การพาณิชย์และการอุตสาหกรรม กมธ.การต่างประเทศ และ กมธ.การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม ร่วมกันจัดสัมมนาขึ้น เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ นักการทูต นักวิชาการ และภาคธุรกิจในการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ในระดับโลก โดยได้รับเกียรติจากนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยมาร่วมแบ่งปันความรู้ และวิสัยทัศน์ในมุมมองฝ่ายจีน
โดย พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวว่า การสัมมนาเรื่อง "ภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจโลกกับบทบาทของจีน: โอกาสและความท้าทายสำหรับไทย" เป็นหัวข้อที่มีความสำคัญและมีผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยในช่วงเวลานี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภูมิรัฐศาสตร์ทางเศรษฐกิจของโลก กำลังปรับสมดุลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องทบทวนนโยบายการพึ่งพาการค้าเสรีแบบเดิม และหันมาให้ความสำคัญกับ "ระบบเศรษฐกิจในประเทศ" และ "ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ" มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น คือ ปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก โดยมีปัจจัยจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงความผันผวนของตลาดทุน ได้สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย โดยเฉพาะผลกระทบในด้านต้นทุนการผลิต และภาระหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขันระยะยาวในอีกด้านหนึ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนเองยังคงมีบทบาทอย่างมากในฐานะคู่ค้าสำคัญรายใหญ่ที่สุดของไทย และมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจมุมมองและยุทธศาสตร์ของจีนอย่างลึกซึ้งเพื่อสามารถกำหนดท่าทีและแนวนโยบายที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติ อีกทั้งพบว่าบทบาทของจีนในเวทีโลกได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงไทยด้วย วุฒิสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ของฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลนโยบายด้านเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน จึงจำเป็นต้องได้รับฟังรับทราบข้อมูล จากการวิเคราะห์เชิงลึก และข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการสัมมนาในครั้งนี้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกได้อย่างทันท่วงที และเหมาะสม
ด้าน นายกัมพล สุภาแพ่ง ประธาน กมธ.การเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา กล่าวว่า ท่ามกลางการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์อย่างเข้มข้นทั่วโลก ไทยได้เห็นบทบาทที่เพิ่มขึ้นของจีน ทั้งในด้านการค้า เทคโนโลยี และการลงทุน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางเศรษฐกิจของไทย ดังนั้น การทำความเข้าใจต่อบทบาทของจีนในบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการกำหนดยุทธศาสตร์ระดับชาติ โดยการสัมมนาครั้งนี้เน้นการวิเคราะห์พลวัตทางเศรษฐกิจโลก อาทิ ผลกระทบจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนต่อห่วงโซ่อุปทาน /การแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ /การผลักดัน "Belt and Road Initiative." ของจีน และนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว ดังนั้น การจัดสัมมนาดังกล่าวจึงถือเป็นหนึ่งในบทบาทของวุฒิสภาในการทำหน้าที่ติดตาม ประเมินและเสนอแนะแนวทางเชิงนโยบายต่อรัฐบาล เพื่อนำพาประเทศไทยให้สามารถรับมือกับความท้าทายและใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
