“วันนอร์” ชี้โหวตนายกฯ พรุ่งนี้ ไม่มีระบุในระเบียบและ รธน. ว่าแคนดิเดตต้องแสดงวิสัยทัศน์ ขึ้นอยู่กับ สส. เสนอ

          นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย. 68) ว่า ขั้นตอนการเลือกบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อถึงวาระจะเป็นเรื่องของ สส. เสนอชื่อขึ้นมา ซึ่งจะต้องแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่นั้น ไม่มีข้อบังคับการประชุมสภาฯ หรือรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ไม่เหมือนกับการเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ที่กำหนดไว้ว่าต้องแสดงวิสัยทัศน์ก่อน โดยการเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ผ่านมา เช่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากเป็นบุคคลภายนอก จึงไม่มีการแสดงวิสัยทัศน์ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน รวมไปถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็เช่นเดียวกัน แต่ในครั้งนี้การเสนอชื่อยังไม่ทราบว่าเป็นบุคคลในหรือนอกสภาฯ การแสดงวิสัยทัศน์นั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเสนอใคร เช่น กรณีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล มีการเสนอขอให้แสดงวิสัยทัศน์ 10 นาที ซึ่งพรุ่งนี้ก็อยู่กับที่ประชุมสภาฯ ว่าจะเสนอให้มีการแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ 
          ส่วนกรอบการอภิปรายของ สส. สามารถอภิปรายในเรื่องใดได้บ้าง ประธานสภาฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องการเสนอรายชื่อและเหตุผล ส่วนการเปรียบเทียบว่าจะเอาความรู้ความสามารถยังไม่ใช่ในวาระนี้ ซึ่งผู้ที่จะได้รับการเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องแถลงนโยบาย ในวันนั้นจึงจะสามารถอภิปรายถึงความรู้ความสามารถได้
          ส่วนกรณีการพลิกขั้วรัฐบาลจะทำให้ตำแหน่งประธานสภาฯ หลุดไปหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องไปดูรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญฉบับนี้ และย้อนหลังไปในปี 2540 และ 2550 บอกว่า ประธานสภาฯ นั้นต้องเลือกจากสมาชิกในสภาฯ เท่านั้น เมื่อเป็นแล้วการพ้นตำแหน่งมี 2 ข้อ คือ ลาออกหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาของฝ่ายบริหารที่จะมากำหนดตำแหน่งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นเรื่องของสภาฯ โดยยกตัวอย่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มีการเปลี่ยนแปลงรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เนื่องจากมีการเปลี่ยนขั้วนายกรัฐมนตรี จากพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายชวน หลีกภัย แต่ก็ยังทำงานได้ถึง 6 เดือน เกือบครบวาระถึงได้ลาออก เพราะว่าตอนนั้นไปทำหน้าที่ในพรรคการเมือง ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง