17 ธ.ค. 68 - สว.กฤษณุ ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว จ.สุรินทร์ ให้กำลังใจผู้อพยพจากเหตุความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้การบริหารจัดการศูนย์ฯ มีความพร้อมกว่า 90% พร้อมเสนอรัฐบาลเพิ่มมาตรการเยียวยาด้านเพิ่มเติมหากสถานการณ์ยืดเยื้อ

image

          นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนล่าง) เปิดเผยผ่านรายการทันข่าววุฒิสภา ถึงการลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว  อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ว่า การดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งด้านที่พัก อาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวก โดยมีส่วนราชการหลายหน่วยงานร่วมกันดูแลอย่างใกล้ชิด 
          นอกจากนี้ การอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีทั้งหมด 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกาบเชิง ปราสาท บัวเชด และสังขะ เป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เมื่อประชาชนเข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงก็ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สาธารณสุขจังหวัดและอำเภอ รวมถึงโรงพยาบาลสุรินทร์ เข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมการบริหารจัดการถือว่ามีความพร้อมมากกว่า 90%
          เมื่อถามถึงการรับมือสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนของรัฐบาล นายกฤษณุ กล่าวว่า รัฐบาลและกองทัพได้ติดตามและประเมินสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องจากข้อมูลข่าวกรอง โดยเฉพาะหลังเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าฝ่ายกัมพูชายังมีการถอนกำลังและอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนไม่มากนัก ส่งผลให้ต้องมีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมแผนรับมืออย่างเข้มงวด เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จึงสามารถอพยพประชาชนกว่าแสนคนออกจากพื้นที่เสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว และลดความสูญเสียจากอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          สำหรับเสียงสะท้อนจากประชาชนในศูนย์อพยพ นายกฤษณุ ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับบ้านเรือน ทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยง และพืชผลทางการเกษตร ซึ่งตนได้ให้กำลังใจและขอให้ประชาชนอดทน โดยย้ำว่าความปลอดภัยของชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พร้อมระบุว่ารัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาตามระเบียบอย่างเหมาะสม  แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไป ตนมองว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เนื่องจากประชาชนจำนวนมากไม่สามารถประกอบอาชีพตามปกติได้ และพืชผลทางการเกษตรอาจได้รับความเสียหายมากขึ้น
            ทั้งนี้ นายกฤษณุ ยังกล่าวถึงบทบาทของวุฒิสภา ว่า สว. โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ได้ประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการทำงานของจังหวัดและอำเภอ ทั้งด้านข้อมูล ความพร้อมของศูนย์อพยพ และการช่วยเหลือจากภาคเอกชน รวมถึงกิจกรรมดูแลสภาพจิตใจของประชาชนในศูนย์อพยพ
           นายกฤษณุ กล่าวทิ้งท้ายแสดงความหวังว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาจะคลี่คลายลงโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ พร้อมย้ำว่าความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชนคือสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องการมากที่สุด

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
แฟ้มภาพ

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ