รัฐสภา มีมติส่งคำถามประชามติให้ ครม. หลังนายกฯ ส่งสัญญาณยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน

            วันที่สองของการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยวิสามัญ) เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ในวาระที่ 2 ที่ประชุมเริ่มพิจารณาตั้งแต่มาตรา 256/21 สมาชิกรัฐสภาต่างอภิปรายในประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะมาตรา 256/28 ว่าด้วยการออกเสียงลงคะแนนตามมาตรา 256/27 โดยที่ประชุมลงมติไม่เห็นชอบกับการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากที่ตัดอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) 1 ใน 3 ในการให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกรัฐสภา เสนอให้นับคะแนนใหม่ตามข้อบังคับข้อที่ 58 เนื่องจากคะแนนเห็นชอบและไม่เห็นชอบห่างกันไม่เกิน 30 คะแนน ซึ่งในการนับคะแนนครั้งใหม่ต้องใช้วิธีการขานชื่อเป็นรายบุคคล

            ภายหลังใช้เวลาลงมติราว 2 ชั่วโมง ผลการลงมติที่ประชุมยังคงไม่เห็นด้วย ด้วยคะแนน 329 เสียง เห็นด้วย 302 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง เท่ากับว่าที่ประชุมเห็นด้วยกับกรรมาธิการ เสียงข้างน้อย ที่สงวนความเห็น ให้คงเสียง 1 ใน 3 ของ สว.ในการให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

            ต่อมา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สมาชิกรัฐสภา ในฐานะประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ได้ลุกขึ้นเสนอขอถอนร่างออกไปเพื่อทบทวน ปรับปรุง โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากกลุ่มผู้ขอสงวนความเห็น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม จึงเกรงว่าหากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะกระทบ มาตรา 256/27 ตนจึงขอรัฐสภาพิจารณาอนุมัติให้ถอนร่างออกไปนับตั้งแต่มาตราที่ลงมติล่าสุด เพื่อนำร่างฯไปปรับปรุงและจะให้รัฐสภาพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ เพื่อความรอบคอบเพราะหากด่วนตัดสินใจอาจส่งผลกระทบตามมา 

            ขณะที่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล กล่าวว่า เพิ่งได้มีการลงมติไปว่า ไม่เห็นด้วยกับเสียงข้างมาก และอยู่ระหว่างจะเลือกว่าจะเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ผู้สงวนความเห็นไว้ แบบใด ดังนั้นหากยังไม่เลือกว่าจะไปทางไหน แล้วทราบได้อย่างไรว่าจะไปเกี่ยวพันกับมาตราที่เหลืออยู่ จึงเสนอให้ลงมติเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะเลือกแนวทางของผู้สงวนความเห็นท่านใด แล้วค่อยไปหารือว่าจะถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่  

           ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกรัฐสภา ลุกขึ้นกล่าวว่า คงเป็นแบบนั้นไม่ได้ เพราะล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชน ซึ่งชัดเจนว่าเป็นคำประกาศในการแถลงยุบสภา พร้อมขอให้ฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพราะหากมีพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ)ยุบสภา ภาระหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จะสิ้นสุดลง จึงต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งพวกตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินและเดินหน้าประเทศต่อไป 

            ส่วนนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกรัฐสภา ระบุว่า เป็นที่ชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีได้ยื่นร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้ว และอาจมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาวันพรุ่งนี้(12 ธ.ค.68) สถานการณ์เช่นนี้ การพิจารณามาตราใดๆต่อไปไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น สิ่งที่จะทำได้ก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีการยุบสภาคือการให้มีคำถามประชามติและมีมติจากรัฐสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติถามคำถามประชามติคำถามแรก จึงขอเสนอญัตติเลื่อนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป ซึ่งที่ประชุมไม่มีผู้ใดขัดข้อง 

            จากนั้น นายพริษฐ์ วัชสินธุ สมาชิกรัฐสภา ลุกขึ้นเสนอญัตติด่วน เรื่อง ขอให้รัฐสภาเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าก่อนที่จะมีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐสภาจะต้องมีการจัดการออกเสียงประชามติถามประชาชนว่าประชาชนเห็นควรให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ อีกทั้งรัฐสภาต้องร้องขอให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันต่อรัฐสภา ดังนั้นเพื่อให้การเสนอคำถามประชาติเป็นไปตามศาลรัฐธรรมนูญ ปราศจากปัญหาเรื่องความชอบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตลอดจนไม่มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และให้การจัดทำประชามติครั้งแรกนั้น เป็นคำถามที่ชัดเจน เป็นกลาง สะท้อนเจตจำนงของประชาชน และเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาต้องมีมติรับรองคำถามก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ จึงเห็นควรเสนอญัตติด่วน เพื่อให้สภาให้ความเห็นชอบคำถามประชามติ ด้วยคำถามว่า ท่านเห็นชอบที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ โดยมีตัวเลือกคำตอบ คือ เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ และเมื่อรัฐสภามีมติรับรองคำถามดังกล่าวแล้ว ให้ประธานรัฐสภาเสนอคำถามต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป 

            ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติด่วนที่มีเนื้อหาในทำนองเดียวกัน รวม 5 ฉบับ ที่เสนอโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน และนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้ ภายหลังการลงมติที่ประชุมได้มีมติเห็นด้วยให้ส่งคำถามการออกเสียงประชามติไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป ด้วยคะแนน 494 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 9 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง 

            ในช่วงท้ายของการประชุม ประธานรัฐสภาได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมาธิการฯ ตลอดจนสมาชิกรัฐสภา ที่ได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ จากนั้น สมาชิกรัฐสภา ยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงเพื่อรับฟังพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมวิสามัญ

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง