ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพดล อินนา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียของการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา วุฒิสภา แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกมธ. ณ ห้องประชุมคณะกมธ. CA 326 อาคารรัฐสภา โดยระบุว่า คณะกมธ.ได้พิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบแล้ว และมีการประชุมมาแล้วรวม 12 ครั้ง พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพบก กองทัพเรือ และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงลงพื้นที่ศึกษาดูงานในจังหวัดตราด คณะกมธ. มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นควรให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) พ.ศ. 2544 เนื่องจากไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา และมีเหตุผลสำคัญ 7 ประการ ประกอบด้วย ประการที่ 1 เส้นเขตไหล่ทวีปปี พ.ศ. 2515 ของกัมพูชาเป็นการละเมิดอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน จึงไม่สมควรนำมาใช้เป็นกรอบในการเจรจาใด ๆ แม้บันทึกความเข้าใจจะระบุว่าไม่กระทบการอ้างสิทธิก็ตาม ประการที่ 2 กัมพูชาแสดงเจตนารมณ์ไม่ปฏิบัติตาม MOU 2544 โดยมีข้อเสนอให้แบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนในอัตรา 50 : 50 พร้อมให้ยุติการเจรจาแบ่งเขตแดน ซึ่งสะท้อนถึงการมุ่งเน้นผลประโยชน์ฝ่ายเดียวและไม่คำนึงถึงอธิปไตยของไทย ประการที่ 3 ตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา ไม่ปรากฏความคืบหน้าในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเล แตกต่างจากกรณีที่ไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นได้ ยกตัวอย่าง เช่น เวียดนาม และ มาเลเซีย
สำหรับเหตุผล ประการที่ 4 กมธ.วิสามัญฯ เห็นว่า กัมพูชายังคงอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดของไทย โดยอาศัยแผนที่และบริบททางประวัติศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเล แสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง ประการที่ 5 กรอบการเจรจาตาม MOU 2544 ไม่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหา เนื่องจากกัมพูชาไม่มีความจริงใจในการเจรจาแบ่งเขตแดน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน ประการที่ 6 MOU 2544 พ้นสภาพการเป็นข้อตกลงชั่วคราวตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 เนื่องจากใช้เวลายืดเยื้อยาวนานโดยไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ และประการที่ 7 ปัจจัยด้านการเมือง สังคม และพฤติกรรมของฝ่ายกัมพูชา ไม่เอื้อต่อบรรยากาศการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ โดยมีการอ้างสิทธิในพื้นที่ทับซ้อนที่กว้างเกินความเป็นจริง และไม่เคารพอธิปไตยของไทยโดยรอบเกาะกูด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังการยกเลิก MOU 2544 ควรกลับไปยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายทะเลสากลที่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ เพื่อเริ่มกระบวนการเจรจาใหม่บนพื้นฐานที่เป็นธรรมและมีความเป็นไปได้มากขึ้น พร้อมย้ำว่าหากฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามหลักสากล ย่อมเป็นหน้าที่ของฝ่ายนั้นที่จะต้องชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศ ทั้งนี้ รายงานผลการศึกษาของคณะกมธ. ต่อเรื่องนี้ หากไม่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้น ตามไทม์ไลน์เดิม จะถูกนำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไปก่อนส่งต่อให้รัฐบาลดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อเกิดการยุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นแล้ว เชื่อว่าการแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในครั้งนี้ ข้อเสนอต่างๆของคณะกมธ.จะถูกส่งถึงรัฐบาลรักษาการดำเนินการต่อไปอย่างไม่เป็นทางการ ส่วนรายงานผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการนั้นต้องรอเปิดประชุมวุฒิสภา
ณัฐเดช เอียดปุ่ม ข่าว/เรียบเรียง