5 พ.ย.68- โฆษกพรรคเพื่อไทย จี้รัฐบาลเปิด MOU แร่แรร์เอิร์ธ มองไทยเสียประโยชน์ ย้ำต้องจัดทำแผนป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการแก้ปัญหาสารปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ในเมียนมา

image

        นายศึกษิษฏ์  ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลไทยลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน ระหว่างไทย- สหรัฐฯ ด้านแร่หายาก (Rare Earth) และผลงานรัฐบาลจากการประชุมเอเปค ว่า พรรคเพื่อไทย เห็นว่าการสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่หายากเป็นเรื่องดี เพราะสามารถนำพาไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำยังขาดทั้งความโปร่งใสและการวางยุทธศาสตร์รอบด้าน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและผลประโยชน์ของชาติ ทั้งนี้ การสำรวจ ศึกษา และพัฒนาแหล่งแร่หายาก (Rare Earth) ควรเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การลงทุนระยะยาว เพื่อวางรากฐานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด แต่ในขณะเดียวกันต้องควบคู่กับการวางแผนป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบ

        นายศึกษิษฏ์ กล่าวด้วยว่า วิธีดำเนินการของรัฐบาล ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตถึงความโปร่งใสในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ เนื่องจากประชาชนไม่มีโอกาสได้รับทราบข้อมูล ข้อดี และข้อเสียของการทำ MOU ดังกล่าวกับสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลก็ยังไม่มีการชี้แจงใด ๆ ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการจัดทำแผนป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการแก้ปัญหาสารปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่รัฐบาลชุดที่แล้วเคยเจรจาจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และได้อนุมัติแนวทาง “ฝายดักตะกอน” เพื่อควบคุมการปนเปื้อนในลำน้ำชายแดนไว้แล้ว แต่กลับไม่ได้รับการสานต่อจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน

        โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลประชุมเอเปคของรัฐบาล ว่า แม้ว่ารัฐบาลพยายามผลักดันนโยบายเพื่อสร้างแรงดึงดูดจากนักลงทุนด้วย การเพิ่มโควต้าขายข้าวให้จีน การเป็นเจ้าภาพประชุม World Bank – IMF Annual Meetings แต่ทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่เป็นผลจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยในรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ส่งผลให้ไทยมีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ ปี 2568 มียอดลงทุนกว่า 795,000 ล้านบาท และปีปัจจุบันมียอดคำขอเกิน 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมใหม่และเชื่อมโยง SMEs เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่ผลจากการประชุมเอเปคครั้งนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ การทำ MOU แร่หายากที่ขาดความโปร่งใส โดยขาดการประสานความร่วมมือในการปราบปรามทุนสีเทา หรือเร่งเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานขนส่งระหว่างประเทศ

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ