5 พ.ย. 68 - ประธานกมธ.พลังงาน วุฒิสภา พร้อมคณะ รับหนังสือจากตัวแทนกลุ่ม 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งต่ออายุโรงไฟฟ้าชีวมวลที่หมดอายุแล้ว 3 โรง หลังส่งผลกระทบต่อรายได้ชาวไร่อ้อยและชุมชนรอบข้าง รวมทั้งปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่อาจกลับมารุนแรงอีกครั้ง

image

            นายพรเพิ่ม ทองศรี ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพลังงาน วุฒิสภา พร้อมด้วยนายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม รองประธานกมธ. และคณะ รับหนังสือจากนายสุเทพเล้ารัตนบูรพา ตัวแทนกลุ่ม 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ขอให้คณะกมธ.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องการต่ออายุโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ขณะนี้หมดอายุแล้ว 3 โรง โดยมีความเห็นว่าเมื่อโรงไฟฟ้าทั้ง 3 โรง หมดอายุไปแล้วผู้ที่เดือดร้อนคือชาวไร่อ้อยซึ่งเดิมนำใบอ้อยมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานโรงไฟฟ้ารวมมูลค่ากว่า 150 ล้านถึง 200 ล้านบาทต่อปี ต่อโรงไฟฟ้า 1 โรง แต่ปัจจุบันถูกปิดไป 3 โรง ส่วผลให้ใบอ้อยอาจจะต้องกลับไปอยู่ไร่อ้อยเหมือนเดิม และประชาชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้าเคยมีการใช้รถมาอัดใบอ้อยกิจการนี้ก็จะลดลง กระทบต่อรายได้ของชุมชน และทำให้ไม่สามารถลดฝุ่น PM 2.5 ได้ จึงขอให้คณะกมธ.ช่วยเหลือชาวไร่อ้อยและประชาชนที่อยู่โดยรอบโรงไฟฟ้าดังกล่าวด้วย

          นายพรเพิ่ม กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมากกับเศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน โดยคณะกมธ.จะนำมาศึกษาและส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดูแล ยืนยันว่าเห็นความสำคัญและจัดผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ขณะที่นายสรชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่าคณะกมธ.ได้ศึกษาประเด็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่หมดอายุลงและกำหนดให้ต่อสัญญาในอัตราการรับซื้อไฟฟ้าคงที่ 2.28 บาทต่อหน่วย หลายครั้งและได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) คณะกรรมการกำกับพลังงานแล้ว และสอบถามถึงที่มาที่ไปของราคาการรับซื้อ พร้อมกับจะศึกษาต่อไปถึงจุดคุ้มทุนจริงๆของชาวไร่อ้อย ขณะนี้กำลังจะหากรอบการเจรจากับกระทรวงมหาดไทยเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยกลุ่มที่ปลูกอ้อย ปาล์มน้ำมัน และไม้โตเร็วถือเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบคล้ายๆกัน ซึ่งคณะกมธ.จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ