5 พ.ย. 68 - สว.นันทนา ยื่น ป.ป.ช.ไต่สวนกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ชี้กระบวนการพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีลักษณะกลั่นแกล้งทางการเมือง

image

            นางสาว นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา(สว.) พร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงการเตรียมยื่นคำร้องต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวน สว.ซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา รวม 18 คนซึ่งมีพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ว่ามีการกระทำที่อาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และอาจฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

            นางสาวนันทนา กล่าวว่า คำร้องดังกล่าวมีขึ้น ภายหลังการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ซึ่งมีการพิจารณารายงานผลการสอบสวนจริยธรรมของตน โดยคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ที่มีพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธาน ได้วินิจฉัยว่าตนมีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีที่ตนเสนอแนะเกี่ยวกับความเหมาะสมของผู้ทำหน้าที่กรรมาธิการสามัญ วุฒิสภา และที่ประชุมวุฒิสภามีมติด้วยเสียงข้างมาก 130 เสียง เห็นชอบให้ส่งเรื่องต่อไปยัง ป.ป.ช. ทั้งนี้ ในคณะกรรมการจริยธรรมฯ มีกรรมการ 15 คน เป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดี ฮั้ว สว. ซึ่งถือเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับตน จึงได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อประธานกรรมการจริยธรรมฯ และต่อประธานวุฒิสภา ซึ่งต่างก็ถูกกล่าวหาในคดีเดียวกัน แต่คำร้องคัดค้านไม่เป็นผล และคณะกรรมการจริยธรรมฯ ยังเดินหน้าพิจารณากรณีของตนต่อไป ซึ่งมองว่าเป็นการดำเนินการโดยมิชอบและขาดความเป็นธรรม นอกจากนี้ ยังมีการนัดหมายให้ตนเข้าให้ปากคำในวันที่ 29 กรกฎาคม 68 ซึ่งเป็นวันที่ตนต้องอภิปรายญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อที่ประชุมวุฒิสภา และในวันเดียวกันยังมีนัดไต่สวนคดีหมิ่นประมาทกับนางแดง กองมา ซึ่งคู่กรณีในอีกคดีหนึ่ง นางสาวนันทนามองว่าการกำหนดวันดังกล่าวอาจเป็นการจงใจกีดกันไม่ให้ตนสามารถเข้าให้ปากคำได้ตามสิทธิ โดยตนได้ทำหนังสือขอเลื่อนแต่คณะกรรมการจริยธรรมฯ ปฏิเสธและไม่อนุญาตให้นำพยานเข้าให้ปากคำ

            นางสาวนันทนา กล่าวอีกว่า กระบวนการทั้งหมดไม่เป็นไปตามระเบียบและกรอบเวลาที่กำหนด ตามระเบียบว่าด้วยการพิจารณาจริยธรรม ซึ่งกำหนดกรอบเวลาไว้ 150 วัน แต่ในกรณีของตน ผู้ร้องได้ยื่นเรื่องตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2567 จนถึงวันที่วุฒิสภามีมติเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 รวมระยะเวลากว่า 316 วัน จึงเห็นว่าเป็นการดำเนินการเกินกรอบเวลาและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น ตนจึงได้ทำหนังสือยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาว่าอาจเข้าข่ายกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ พร้อมยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเพื่อตอบโต้ส่วนตัว แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความโปร่งใสในกระบวนการตรวจสอบจริยธรรมของวุฒิสภา

            ด้าน นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ กล่าวว่า ในรายชื่อที่ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. มีพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา นายมงคล สุรัจจะ ประธานวุฒิสภา จากนั้นเป็นคณะกรรมการจริยธรรมฯ การยื่นคำร้องครั้งนี้มุ่งให้ ป.ป.ช. ไต่สวนใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ การไม่ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการยื่นและรับเรื่องร้องเรียนของคณะกรรมการจริยธรรมฯ การพิจารณาที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น การรายงานผลต่อที่ประชุมวุฒิสภาซึ่งอาจมีลักษณะเป็นรายงานเท็จ และการละเมิดหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติตามกระบวนการที่ระเบียบกำหนด พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้กำลังใจนางสาวนันทนา ให้ยืนหยัดต่อสู้ ระบุว่าเมื่อใดที่อำนาจบารมีของคนเหล่านี้หมดไป วันนั้นจะเป็นวันของคนดี เพราะคนดีต้องมีที่ยืน พร้อมยืนยันว่าตนและทีมกฎหมายจะเดินหน้าดำเนินการอย่างเต็มที่ และเตือนวุฒิสภาให้เตรียมรับมือกับกระบวนการตรวจสอบจาก ป.ป.ช.

 

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

 

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ