27 ต.ค. 68 - วุฒิสภา รับหลักการร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... พร้อมให้ตั้ง กมธ.วิสามัญ 27 คน ครม.-ปชช.-สว. พิจารณาต่อวาระ 2

image

          พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานในที่ประชุมวุฒิสภา พิจารณาวาระรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว (เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน วุฒิสภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ร่าง พ.ร.บ. มาถึงวุฒิสภา)
          ทั้งนี้ ตลอดการพิจารณา มีสมาชิกอภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง เช่น นางสาวภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างต็มที่ เชื่อว่าเป็นกฎหมายแห่งชีวิตและลมหายใจ และจะเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยหลายปีที่ผ่านมา ไทยเผชิญอากาศเป็นพิษอย่างต่อเนื่อง คุกคามประชาชนทุกชนชั้น ซึ่งอากาศสะอาดเป็นสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน การมีกฎหมายนี้จะเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการทวงคืนสิทธิที่จะได้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์คืนมา
          ขณะที่นายเศรณี อนิลบล อภิปรายว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นก้าวแรกในการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศอย่างเป็นระบบ ถือเป็นกฎหมายที่คุ้มครองประชาชน ในการสร้างกลไกให้ผู้ก่อมลพิษต้องรับผิดชอบ แต่เป็นกังวลว่าคณะกรรมการอากาศสะอาดระดับจังหวัดที่ให้ นายก อบจ. เป็นประธานกรรมการ ให้หัวหน้าส่วนราชการเป็นกรรมการ มีตัวแทนจากสถาบันอุดมศึกษา อสม. ชุมชน ภาคประชาสังคม เครือข่ายต่าง ๆ ระดับท้องถิ่น รวม 25 คน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีเป้าหมายขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ให้สัมฤทธิ์ผล แต่ตนตั้งข้อสังเกตในทางปฏิบัติที่นายก อบจ. ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของส่วนราชการ ทำให้อาจไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าผู้ว่าราบการจังหวัด ที่ตามกฎหมายให้อำนาจกำกับดูแล โดยเห็นว่าควรระบุให้ชัดเจนไปเลย เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเดินหน้าต่อไปได้
          จากนั้น ประธานได้เปิดให้ลงมติว่าสมาชิกจะเห็นชอบรับร่างกฎหมายดังกล่าวไว้พิจารณาหรือไม่ โดยผลการลงมติ เห็นชอบ 149 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง มีการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา จำนวน 27 คน แบ่งสัดส่วนเป็น คณะรัฐมนตรี (ครม.) 3 คน ผู้แทนประชาชนในฐานะผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมาย 9 คน และ สว. 15 คน กำหนดแปรญัตติ 7 วัน
          ต่อมานางสาวนันทนา นันทวโรภาส สว. ได้เสนอชื่อกรรมาธิการจากกลุ่ม สว.เสียงข้างน้อยอีก 5 คน โดยให้เหตุผลว่าการจัดสรร สว. เป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายที่ผ่านมานั้นไม่มีความเป็นธรรม ไม่มีการกระจายให้กับกลุ่ม สว. เสียงข้างน้อยเลย โดยตลอดเวลา 1 ปี ตนไม่เคยเป็นกรรมาธิการเลย ยกเว้นร่างกฎหมายประชามติเท่านั้น
          ดังนั้น จึงทำให้สัดส่วน สว. ในคณะกรรมาธิการ รวมเป็น 20 คน ซึ่งประธานในที่ประชุมได้ให้สมาชิกออกเสียงลงคะแนน เพื่อให้เหลือ 15 คน

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ