นายนิรุตติ สุทธินนท์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านการจัดหางานและพัฒนาฝีมือแรงงาน ในคณะ กมธ. การแรงงาน วุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระพิจารณาความคืบหน้าของคณะทำงานศึกษาแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ณ จังหวัดระนอง ว่า แรงงานต่างด้าวมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดระนอง โดยเฉพาะแรงงานสัญชาติเมียนมาในภาคการเกษตร ประมง และก่อสร้าง ซึ่งสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี จังหวัดระนองมีพื้นที่ชายแดนติดเมียนมา 169 กิโลเมตร เป็นประตูสำคัญในการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ประเทศไทย โดยผลการศึกษา พบว่า จังหวัดระนองมีแรงงานต่างด้าวกว่า 39,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา โดยมีปัญหาการลักลอบเข้าเมือง การทำงานต้องห้ามตามกฎหมาย และปัญหาสังคมจากการอยู่อาศัยหนาแน่น นอกจากนี้ ยังพบภาระด้านสาธารณสุขและด้านการศึกษา เช่น การแบกรับค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเฉลี่ยกว่า 5 ล้านบาท และการขาดงบประมาณสนับสนุนการเรียนรู้ของบุตรแรงงานต่างด้าว ในด้านนโยบาย การบังคับใช้กฎหมายแรงงานยังไม่ครอบคลุม ทั้งในส่วนของการคุ้มครองนายจ้างและลูกจ้าง ระเบียบการนำเข้าแรงงานแบบ MOU มีความซับซ้อนและใช้เวลานาน ขณะที่หน่วยงานตรวจแรงงานมีบุคลากรจำกัด ด้านเศรษฐกิจ แรงงานต่างด้าวช่วยเพิ่มผลิตผลและความสามารถในการแข่งขัน แต่ก็ส่งผลกระทบต่ออาชีพคนไทยและภาระโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนด้านสังคม ปัญหาทัศนคติเชิงลบ อุปสรรคด้านการสื่อสารข้ามภาษา ความแออัด และความเสี่ยงต่อการค้ามนุษย์ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ
นายนิรุตติ กล่าวด้วยว่า จากผลการศึกษาดังกล่าว อนุ กมธ. มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการจัดการแรงงานต่างด้าว 7 ข้อ ประกอบด้วย 1.การจัดตั้ง กรมการจัดหางานแรงงานต่างด้าว เพื่อดูแลอย่างเฉพาะด้าน 2. การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มบริหารแรงงานต่างด้าวแบบบูรณาการ 3. การส่งเสริมการนำเข้าแรงงานกลุ่ม 3D ผ่านระบบ MOU 4. การปรับปรุงกฎหมายแรงงานให้เหมาะสมกับบริบทแต่ละพื้นที่ 5. ศึกษาระบบจ้างแรงงานต่างด้าวของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปรับใช้ 6. การพัฒนาทักษะภาษาให้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว เพื่อการสื่อสารในภาคบริการ และ 7. การส่งเสริมให้จังหวัดระนอง เป็นเมืองต้นแบบการบริหารแรงงานต่างด้าว (SEC City Model) เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง