นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ระบุว่ามีผู้ติดต่อเสนอเงินให้เดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์หลอกลวง ว่าในเรื่องนี้ นายไชยชนก ไม่ควรเงียบ เพราะการเงียบเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ รัฐมนตรีดีอี ไม่เอาจริงเอาจริงกับการปราบปรามแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เฟคนิวส์จึงควรใช้โอกาสในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก ซึ่งสิ่งที่ตนได้อภิปรายในสภาเป็นการฉายภาพให้เห็นนายหน้า ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย รวมถึงยังมีความสนิทกับ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเชื่อว่า ร.อ.ธรรมมนัสเป็นพยานปากสำคัญในการให้ข้อมูล จึงต้องดูเส้นเงินเพื่อนำไปสู่การปราบปรามหัวขบวนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากหัวขบวนถูกทำลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จะถูกทำลายเช่นกัน หากจะหวังแค่ปราบปรามในเรื่องของบัญชีม้าหรือจับตัวเล็กตัวน้อยก็จะแก้ปัญหาไม่จบ รัฐบาลควรจะเร่งทำงานในเรื่องนี้
ส่วนผู้ที่เสนอเงินเดือนละ40ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มเล็กหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ โดยธรรมชาติของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเป็นเครือข่ายที่มีหลายคนและหากติดสินบนจริงคงไม่ใช่แค่รัฐมนตรีคนเดียวแน่นอน อาจจะมีเงินถึงหมื่นล้านเพื่อติดสินบนในส่วนอื่น ควรถือโอกาสในการปราบปรามและเล็งไปที่หัวขบวนต้นตอที่เป็นปัญหาและไปถึงรากที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่น เช่น บริษัทใหญ่ที่มีความพยายามฮุบหุ้นบริษัทไทย ต้องไปดูว่าเป็นเงินของกระบวนการของคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้(30ต.ค.) ช่วงที่ตนอภิปรายเรื่องดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัส ไม่อยู่บนบัลลังก์ แต่ภายหลัง มาประชุม ครม.นัดพิเศษที่สภาได้ ซึ่งหมายความว่าอยู่ในสภาแต่ไม่มาอยู่ในที่ประชุมสภา เช่นเดียวกับ นายอนุทิน ที่หายตัวไปในเวลาดังกล่าว ส่วนที่ นายอนุทิน โยนให้ นายไชยชนกชี้แจงนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่ารัฐมนตรีดีอีจะชี้แจง ต้องดูเส้นทางการเงินมีหน่วยงานอาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรื่องนี้ไม่ใช่คดีแค่ภายในประเทศหากเป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องระดับโลก
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หากรัฐมนตรีดีอีไม่ทำอะไร ย่อมผิดกฎหมายด้วย เบื้องต้นในวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค. 68) กมธ.ความมั่นคงฯ จะพิจารณาในเรื่องนี้โดยตรง เพราะมีการเชิญ นายอนุทินที่ดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่งมาชี้แจง และหวังว่าจะร่วมมือ แต่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนจะมีการเชิญร.อ.ธรรมนัส มาชี้แจงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังมีการพิจารณาอีกหลายครั้ง ตนมีข้อมูลว่าร.อ.ธรรมนัส มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ขอข้อมูลจากหน่วยงานเป็นตัวตั้งต้นก่อน และสาเหตุที่ต้องเชิญ เพื่อดูท่าทีของหัวหน้ารัฐบาล ว่าหากต้องการจะจริงจังเรื่องนี้ย่อมจะแก้ไขได้โดยง่าย
อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง