1 ต.ค.68- ที่ประชุมวุฒิสภา รับหลักการร่างกฎหมายยุทธศาสตร์ลำไย หวังยกระดับมาตรฐานการผลิตลำไยทั้งระบบ หลังปัจจุบันประสบปัญหาราคาลำไยตกต่ำ พร้อมตั้ง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาลำไย” ทำหน้าที่วางยุทธศาสตร์ทั้งการผลิต การตลาด และการกำหนดราคาอย่างเป็นระบบ หวังคุ้มครองผลประโยชน์ของเกษตรกรและสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างยั่งยืน

image

        การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง  น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยุทธศาสตร์ลำไย พ.ศ. .... ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผลแห่งร่างกฎหมายยุทธศาสตร์ลำไยว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้นจากปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมลำไยไทย ซึ่งแม้จะเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังเป็นรายย่อยที่ขาดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ ราคาตกต่ำ และไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มศักยภาพ ดังนั้น เป้าหมายหลักของกฎหมาย คือ การจัดตั้ง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาลำไย” เพื่อทำหน้าที่วางยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการในการบริหารจัดการผลผลิต การตลาด และการกำหนดราคาอย่างเป็นระบบ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของเกษตรกรและสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างยั่งยืน

 

นายวิรัตน์  ธรรมบำรุง รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา และในฐานะประธานอนุ กมธ.พิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ลำไยฯ กล่าวว่า กมธ. เห็นด้วยกับหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายฉบับนี้ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาลำไยทั้งระบบ เพื่อยกระดับให้เป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง โดยต้องมีแผนแม่บทที่บูรณาการจากทุกภาคส่วน กำหนดมาตรฐานการผลิต การจำหน่าย และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม กมธ. มีข้อสังเกตว่าควรเพิ่มนิยามคำว่า “เกษตรกรชาวสวนลำไย” และ “ผู้ประกอบการกิจการลำไย” ให้ชัดเจน และขยายความนิยาม “ลำไย” ให้ครอบคลุมพืชเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ในภาคเหนือ รวมทั้งควรทบทวนยุทธศาสตร์ทุก 5 ปี หรือเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง และควรมีแผนระยะสั้น กลาง และยาว โดยแผนระยะสั้นให้เป็นแผนปฏิบัติงานรายปี ส่วนองค์ประกอบคณะกรรมการนั้น กมธ. มีข้อเสนอแนะให้ เพิ่มสัดส่วนผู้แทนเกษตรกร จาก 3 คน เป็น 5 คน เพื่อให้ครอบคลุมเกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้แก้ไขเพิ่มเป็น 7 คน ตลอดจนเพิ่มให้คณะกรรมการสามารถออกมาตรการที่สำคัญต่าง ๆ ได้ เช่น การจัดทำแผนการผลิตลำไยประจำปีในภาพรวมระดับประเทศ การกำหนดเกรดสินค้าและราคากลาง ในการรับซื้อเพื่อความเป็นธรรม มีการตรวจสอบคุณภาพลำไยเพื่อยกระดับมาตรฐาน และการจัดทำคู่มือสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการ นอกจากนี้ การดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ลำไยในอนาคต จำเป็นต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณที่ชัดเจนและบูรณาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และควรสนับสนุนและผลักดันการวิจัย การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาสินค้าลำไย ที่สำคัญต้องทำสัญญากลาง (Contract Farming) ในการรับซื้อผลผลิตระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการ ขณะที่ ข้อเสนอแนะที่สำคัญที่สุดคือ ในอนาคตควรเพิ่มหมวด เกี่ยวกับ “กองทุนเพื่อการพัฒนาลำไย” เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนช่วยเหลือและส่งเสริมเกษตรกรในทุกมิติ ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป ไปจนถึงการตลาด

        ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายยุทธศาสตร์ลำไย โดยนางสาวภิญญาพัชญ์  ศันสนียชีวิน สว. อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรชาวสวนลำไยประสบกับความยากลำบาก โดยเฉพาะราคารับซื้อลำไยหน้าสวนตกต่ำถึงขีดสุด ไม่ถึง 3 บาทต่อกิโลกรัมในบางพื้นที่ สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทุกปี สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนาลำไยที่ผ่านมาขาดเอกภาพและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะช่วยสร้างหลักประกันชีวิตให้แก่เกษตรกรนับแสนครอบครัว และจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อเกษตรกรที่จะมีนโยบายคุ้มครองราคา ผู้ประกอบการมีทิศทางการลงทุนที่ชัดเจน ผู้บริโภคได้สินค้าคุณภาพ และประเทศชาติมีเศรษฐกิจฐานรากที่แข็งแกร่ง

        นายเศรณี  อนิลบล สว. อภิปรายสนับสนุนว่า ลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีเกษตรกรเกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 250,000 ครัวเรือน บนพื้นที่เพาะปลูกกว่า 1.8 ล้านไร่ แต่ที่ผ่านมายังขาดการบริหารจัดการที่เป็นระบบ โดยเฉพาะการบูรณาการระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องให้ความสำคัญของการจัดการตั้งแต่ต้นน้ำ เช่น การทำ Zoning พื้นที่เพาะปลูก การจัดการน้ำและดิน ไปจนถึงปลายน้ำคือการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม

        ด้านนางสาวตวงคุณ  ทรงธรรมวัฒน์ สว. ตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการยังขาดผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาด การกระจายสินค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดังนั้น ควรมีมาตรการหรือแผนสำรองในกรณีที่การดำเนินงานไม่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้

 

ภายหลังจาก สว. อภิปรายอย่างกว้างขวางแล้ว ที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติรับหลักการแห่งร่าง พ.ร.บ. ยุทธศาสตร์ลำไย พ.ศ. .... ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว ไว้พิจารณาด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 150 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา จำนวน 21 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 7 วัน

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ