นายกมล รอดคล้าย ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยนวัตกรรม วุฒิสภา และคณะ แถลงระบุเป็นข้อเสนอไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ ขอให้ดำเนิน 12 นโยบาย เพื่อปฏิรูปการศึกษาไทย เนื่องจากเห็นว่าการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทุกประเทศใช้การศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการสร้างคนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศให้มีความก้าวหน้า และเป็นประเทศชั้นนำของโลก รัฐจึงต้องมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจนในการพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ จึงมีข้อเสนอดังต่อไปนี้
1.เร่งรัดจัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้เป็นธรรมนูญการศึกษาของประเทศ โดยประมวลความคิดเห็นที่มีฉันทามติร่วมกันจากทุกภาคส่วนให้แล้วเสร็จ มีบทสรุปที่ชัดเจน เพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาในช่วงระยะเวลาของรัฐบาลถัดไป ให้สามารถประกาศใช้ได้ภายใน 1 ปี
2.ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐานทั้งระบบโดยมุ่งพัฒนาสมรรถนะ ของผู้เรียนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกปรับวิธีการสอนภาษา ให้เด็กไทยสามารถพูด เขียน และใช้ภาษาอังกฤษได้ดีภายในปี 2578
3.ยกระดับคุณภาพครูให้เป็นวิชาชีพขั้นสูงเพิ่มสัดส่วนการผลิตระบบฟิตเป็นร้อยละ 50 สร้าง Smart Teacher โดยจัดงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการอุดมศึกษา ให้ทุนครูประจำการเรียนต่อระดับปริญญา และปริญญาโท ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มอัตรากำลัง ครูชั้นนำเข้าสู่ระบบ ลดภาระงานครูโดยเพิ่มตำแหน่งบุคลากรธุร การเงิน บัญชี พัสดุ ปรับอัตราจ้างเหมาบริการเป็นลูกจ้างชั่วคราว เพิ่มตำแหน่งครูสกร. ในเขตพื้นที่สูงหรือทุรกันดารและเสี่ยงภัย
4.เพิ่มอัตราเร่งการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา เพื่อสร้างความเท่าเทียมระดับคุณภาพการศึกษามีระบบเทียบโอนผลการเรียนเพื่อเชื่อมโยงการศึกษาทุกระดับ และพัฒนาระบบเครดิตแบงค์ให้เสร็จสมบูรณ์
5.กระจายอำนาจการบริหารการศึกษาเชิงพื้นที่ให้กับจังหวัดเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาให้มากขึ้น โดยจัดสรรงบงบประมาณระดมทรัพยากรในการจัดการศึกษาให้บริหารจัดการเอง รวมทั้งปรับเพิ่มหลักสูตรเสริมภายใต้บริบทและความต้องการของแต่ละพื้นที่ในทุกจังหวัด จัดกองทุนดูแลผู้ยากไร้และกองทุนพัฒนาเด็กมีความสามารถพิเศษ
6.กำหนด school mapping ระยะ 10 ปี 20 ปี ที่สอดคล้องกับการลดลงของประชากรและปรับระบบการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอและเหมาะสมกับขนาดของสถานศึกษารวมทั้งใช้งบประมาณเพื่อก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารเรียนที่หมดอายุทั้งประเทศ
7. สนับสนุนการศึกษาเอกชน งดหรือปรับลดภาษีเช่นภาษีโรงเรือน ภาษี จัดอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนเอกชนทุกคนครบถ้วน
8. ปรับระบบอาชีวะศึกษาให้เชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายตลาดแรง สนับสนุนการศึกษาระบบทวิภาคี
9. ตั้งเป้าหมายสามมหาวิทยาลัยไทยติดอันดับ top 10 ของ ASEAN ในปี 2573 และ 10 มหาวิทยาลัยไทยติด top 100 ของ Asia ในปี2573 มีการเปิดสอน pre degree เด็กมัธยม มีระบบเทียบโอนผลการเรียน ลดรายวิชาที่ไม่จำเป็น เพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสาย STEM และสร้างหลักสูตรอุดมศึกษา CWIE ให้เป็นภาคบังคับ
10.สร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตแบบใหม่ จัดทำ competency and skill profile database ของคนไทยรายบุคคล เพื่อทราบสมรรถนะกำลังคนของประเทศ จัดทำบัญชีทุนพัฒนาตนเองในลักษณะของ copay โดยลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐ ร่วมจ่ายเป็นทุนสะสมรูปแบบคูปองการพัฒนาอัพสกิวแรงงานไทยแต่ละตลอดชีวิต
11. เพิ่มสัดส่วนการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศเป็น 2% ของจีดีพีภายในปี 2580
12. สร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการศึกษาระดับปริญญาตรีโดยผ่านกลไกกองทุนการศึกษา และการมีงานทำระหว่างเรียน จัดการเรียนแบบ hybrid โดยเรียนแบบออนไลน์คู่กับออนไซด์เพื่อลดงบประมาณในการจัดการศึกษา
ทั้งนี้ประธานคณะกมธ.การศึกษาฯ ยังกล่าวอีกว่า แม้ห้วงเวลาการทำงานของรัฐบาลจะมีระยะสั้นเพียง 4 เดือน อาจไม่สามารถพัฒนาการศึกษาให้คุณภาพและเห็นผลได้ในระยะสั้น แต่หากได้มีการตัดสินใจ กำหนดจุดเน้นและเลือกประเด็นพัฒนาได้ถูกต้อง วางรากฐาน ริเริ่มโครงการ หรือจัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการพัฒนาการศึกษาในแต่ละเรื่องไว้ในระยะยาว จะสามารถสร้างระบบการศึกษาที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ และเป็นความหวังของสังคมไทย ตนคณะกมธ.ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมือกับรัฐบาล หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาไทยให้ประสบความสำเร็จ
อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง