นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ โฆษกคณะ กรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) แถลงข่าวถึงผลการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2568 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา เป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นการประชุมลับ เนื่องจากผู้เสนอญัตติเห็นว่า MOU 2543 ว่าด้วยเรื่องการสำรวจและปักปันเขตแดน จากการยึดถือเส้นเขตแดนที่ต่างกัน คือ ไทยยึดตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 ขณะที่กัมพูชายึดตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 และ MOU 2544 ว่าด้วยการอ้างสิทธิพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล 26,000 ตร.ม. ล้วนทำให้ไทยเสียเปรียบ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียของการยกเลิก MOU ทั้ง 2 ฉบับ เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะเป็นการสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน นำมาซึ่งความสงบสุขและความมั่นคงตามแนวชายแดนได้อย่างยั่งยืน ภายหลังอภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษา จำนวน 25 คน ประกอบด้วย สมาชิกวุฒิสภา จำนวน 15 คน และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก จำนวน 10 คน กำหนดระยะเวลาดำเนินงาน 90 วัน
สำหรับการประชุมวุฒิสภาในสัปดาห์หน้า จะมีวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ในวันจันทร์ที่ 1 และวันอังคารที่ 2 กันยายน 2568 โดยมีผู้แสดงความประสงค์อภิปรายในส่วนของสมาชิกวุฒิสภา ได้แก่ ผู้แทนคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาทั้ง 21 คณะ คณะละ 1 คน รวม 21 คน ระยะเวลารวม 10 ชั่วโมง ส่วนสมาชิกวุฒิสภาที่สนใจอภิปรายมี 20 คน ใช้เวลาคนละ 10 นาที โดยการอภิปรายไม่แบ่งตามมาตรา แต่แบ่งตามหมวดหมู่ ประกอบด้วย ภาพรวมงบประมาณและเงินคงคลัง/ ด้านเศรษฐกิจ /ด้านสังคม /ด้านภัยพิบัติและทรัพยากรธรรมชาติ และด้านการบริหารและอื่นๆ
นายพิสิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้วิปวุฒิสภาจะแถลงข่าวถึงผลการประชุมวุฒิสภา เป็นประจำทุกวันพุธ เวลา 13.00 น. เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนและสื่อมวลชน
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
