นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องแนวทางการจัดการศึกษาให้กับนักเรียนในพื้นที่อพยพจากปัญหาภัยการสู้รบไทย-กัมพูชา ว่า หลังจากปัญหาการสู้รบ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และภัยพิบัติต่าง ๆ ถือว่าส่งผลกระทบต่อเยาวชน 7 จังหวัด ในด้านระบบการศึกษาและด้านอาหาร เนื่องจากมีเสียงสะท้อนจากครูโรงเรียนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และพื้นที่ใกล้เคียง ที่ระบุว่าตอนเสียงปืนดังไม่คิดถึงชีวิตตัวเองเป็นตายอย่างไร เด็กต้องปลอดภัย
ขณะเดียวกันจากการลงพื้นที่ศูนย์อพยพบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า มีหลายหน่วยงานที่ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดี แต่ตนยังกังวลเรื่องเด็กไทยในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พูชา จะหลุดจากระบบการศึกษา เนื่องจากอยู่ระหว่างสถานการณ์ความไม่ไว้วางใจ แต่อย่างไรก็ตามต้องขอชื่นชมรัฐบาลไทยที่ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมย้ำขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องมีการจัดการระบบการศึกษาที่เท่าเทียมและขอทวงถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า จะมีวิธีการในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่อพยพอย่างไร อีกทั้งมีนโยบายในอนาคตอย่างไร หากเกิดวิกฤตที่ผู้เรียนไม่สามารถเข้าเรียนได้ตามปกติมีการวางแผนอย่างไร และหลังจากเหตุการณ์การสู้รบจบลง ทางกระทรวงศึกษาธิการมีแผนในการดูแลนักเรียนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างไร
ด้านนางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวตอบว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้ว ทำให้วันนี้มีการเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกแห่ง รวมถึงได้ปิดศูนย์พักพิงในทุก ๆ ที่ แต่ยังคงเตรียมพร้อมรองรับกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลาได้ ตลอดจนขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้จัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลาในช่วงที่ยังไม่สามารถอพยพกลับบ้านได้ ซึ่งถือเป็นการลดความเครียดเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ได้เป็นอย่างดี
สำหรับแนวทางในการบริหารจัดการหากเกิดเหตุกรณีพิเศษ เช่น ภัยสงคราม/ภัยพิบัติ ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุงการสร้างรายวิชาหลักและรายวิชาแบบบูรณาการ โดยมุ่งสร้างการเรียนรู้ พัฒนาทักษะชีวิต เพื่อเทียบผลคะแนน และมีการยืดหยุ่นทางระบบการศึกษาในหลากหลายรูปแบบ เช่น การเรียนผ่านระบบออนไลน์/ออนดีมานด์ เพื่อนำไปสู่การสร้างวิชาชีพได้อย่างบูรณาการยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการ ยังได้มีการขอมาตรฐานทางวิชาชีพเพื่อเทียบเคียงกับวิชาที่เรียน เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้อย่างตรงสายมากที่สุด แต่ท้ายที่สุดแล้วทางกระทรวงศึกษาธิการจะรับข้อเสนอแนะต่าง ๆ ไปพิจารณาและแก้ไขปรับปรุงในระบบการศึกษาต่อไป
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
