นายอดิศร เพียงเกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 นัดแรกถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภาที่ผ่านมาว่า สถานการณ์การเมืองเกิดความสับสนในสังคมพอสมควร โดยเฉพาะหลังการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะเป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ หากอยู่ในกรอบสันติวิธี แต่จากการเฝ้าดูการกล่าวปราศรัยพบว่าแกนนำบางคนมีถ้อยคำระบุว่ารัฐประหารไม่เป็นไร ขอแค่อย่าให้ทหารขึ้นเป็นนายกฯ ซึ่งหมายความว่าเปิดช่องให้รัฐประหารได้ เพียงเปลี่ยนคนถืออำนาจนั้น เป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยอย่างชัดเจน ขณะที่สถานการณ์การเมืองภายในสภา ตั้งข้อสังเกตถึงการที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคถอนตัวมาเป็นฝ่ายค้าน และไม่นานนัก สมาชิกวุฒิสภา(สว.) กลุ่มสีน้ำเงิน ได้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องทันที และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่ขณะนั้นยังไม่มีการชี้ชัดว่านายกรัฐมนตรีกระทำผิดหรือมีพฤติกรรมเข้าข่ายจริยธรรมร้ายแรงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ตนจึงขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี เพราะมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และต้องไม่ให้มีอำนาจอื่นมาแทรกแซง ซึ่งการถ่วงดุลอำนาจ รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ชัดเจน มีทั้งฝ่ายตุลาการและนิติบัญญัติเพื่อทำงานร่วมกันในกรอบของหลักนิติธรรม จึงไม่ควรเร่งให้กระบวนการเหล่านี้หลุดออกจากกรอบที่ควรเป็น พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ว่าขอให้นายกรัฐมนตรีเข้มแข็ง เดินหน้าอย่างมั่นใจ เพราะยังมีคนอีกหลายล้านคนที่ยืนอยู่เคียงข้าง และเชื่อมั่นว่า ประชาธิปไตยจะปกป้องเราได้
นอกจากนี้ นายอดิศรยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา ว่า ตนในฐานะตัวแทนของประชาชนสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศมีความรักใคร่ กลมเกลียว และต้องการให้มีการเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างประธานสภาของทั้งสองประเทศ เพื่อแสดงมิตรภาพอันดีในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง
