นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2568 ว่า การเมืองปี 2568 สำหรับรัฐบาลได้ย่างเข้าสู่ปีที่ 2 เป็นเวลาเกือบครึ่งเทอม เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความเข้มข้นของการเมืองมากกว่าปีแรก ๆ รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกมาก ส่วนตัวจึงเชื่อว่าปี 2568 การเมืองอาจจะรุนแรงมากกว่าปี 2566 และ 2567 อย่างไรก็ตาม หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยเฉพาะรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในขณะนี้ได้ ความร้อนแรงก็จะลดลงไป รัฐบาลก็อาจจะอยู่ครบเทอมก็ได้ จึงขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวด้วยว่า ตนในฐานะประธานรัฐสภา เห็นว่าทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีพัฒนาการไปในทางที่สร้างสรรค์มากขึ้น การอภิปราย การทำการบ้าน ของสมาชิกรัฐสภาก็เป็นไปด้วยดี มีหลักมีฐาน การประชุมสภาในปี 2567 ที่ผ่านมาก็ไม่เคยล่ม องค์ประชุมครบ ทุกคนอยู่ทำงานกันจนดึกดื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทั้งนี้ หวังว่าในปี 2568 เฉพาะในด้านนิติบัญญัติ คงจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเหมือนกับปีที่ผ่านมา มีกฎหมายอีกหลายฉบับที่กำลังรอให้สมาชิกพิจารณาให้จบ รวมทั้งญัตติความเดือดร้อนต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องใช้รัฐสภาในการพิจารณาแก้ไข ตนหวังว่าประชาชนจะใช้สภาในการแก้ปัญหาบ้านเมืองมากกว่าที่จะแก้ด้วยวิธีอื่น ๆ เพราะวิถีประชาธิปไตย คือ การใช้รัฐสภาเป็นที่ถกเถียงแก้ปัญหาของบ้านเมือง ตนก็หวังอย่างนั้น และสภาก็พร้อมจะทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า หากฝ่ายค้านเห็นว่ามีประเด็นที่ต้องอภิปรายรัฐบาล ก็สามารถยื่นอภิปรายได้ ทั้งแบบไม่ลงมติ หรือแบบลงมติไม่ไว้วางใจ ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มีเกือบทุกสมัยการประชุม สมัยประชุมที่แล้วไม่มี แต่เชื่อว่าสมัยประชุมนี้ฝ่ายค้านก็เตรียมพร้อมจะเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องพร้อมตอบ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาอะไรบ้าง การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นบทบาททางการเมืองที่พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นการทำงานทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านว่าเป็นอย่างไร
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง