คณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานกรรมการฯ เห็นชอบแต่งตั้ง 4 อนุกรรมการ เพื่อขับเคลื่อนงานสานพลังความปลอดภัยบนท้องถนน ประกอบด้วย 1) คณะอนุกรรมการด้านประสานงาน บริหารจัดการ รณรงค์และการประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน 2) คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน 3) คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน และ 4) คณะอนุกรรมการฝ่ายวิชาการเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน
นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการด้านประสานงาน บริหารจัดการ รณรงค์และการประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน ยืนยันความพร้อมของ 4 อนุกรรมการ และมั่นใจสามารถดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการฯ ที่มุ่งสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกรัฐสภาและภาคประชาชนในการป้องกันและลดอุบัติเหตุสร้างความปลอดภัยทางถนน บรรลุตามเป้าหมายแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน รวมถึงมติสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติที่กำหนดให้ปี พ.ศ. 2564 - 2573 เป็นทศวรรษที่สองแห่งความปลอดภัยทางถนน ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปกรณีอุบัติเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาได้สร้างความสะเทือนใจแก่สังคมและเป็นเรื่องที่ต้องป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนได้สรุปเป็นข้อเสนอในเชิงนโยบาย ซึ่งได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เมื่อ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา หลัก ๆ คือ ข้อเสนอในการผลักดันให้เกิด “สถาบันหรือหน่วยงานกลางทางวิชาการ” เพื่อทำหน้าที่สอบสวนอุบัติเหตุที่สำคัญและเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเรื่อง “โครงสร้างใบอนุญาตและการต่อใบอนุญาตของผู้ประกอบการ” ที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด รถโดยสารต้องมีการใช้เชื้อเพลงที่ปลอดภัย และ “ระบบทัศนศึกษา”ที่ควรพิจารณาแบ่งประเภทเด็กเล็กเด็กโต มีระบบประเมินความปลอดภัยตั้งแต่ระดับโรงเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางถนน (จปถ.) ประเมินความปลอดภัยของรถและเส้นทางการเดินทาง โดยรัฐบาลควรกำชับหน่วยงานเข้มการบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการรายงานผลต่อรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ทุก 3-6 เดือน ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าวแล้ว และได้มีหนังสือตอบกลับมายังรัฐสภาโดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ระบุใจความว่า ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา และรายงานผล รวมถึงมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องติดตามการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวต่อไป
นายนิกร ยังเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 18 ธ.ค. 67 คณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน จะจัดกิจกรรม “รัฐสภาไทย...สานพลังเพื่อความปลอดภัยทางถนน” จากนั้นในช่วงบ่ายคณะกรรมการฯ ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาวาระรายงานผลการดำเนินงานของ 4 อนุกรรมการ รวมถึงวาระเกี่ยวกับมาตรการลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 และช่วงวันหยุดต่อเนื่อง ทั้งเรื่องความเข้มงวดเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้เชิญอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าร่วมหารือด้วย
ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน ย้ำว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย คือ หนึ่งในเป้าหมายที่ไทยมุ่งขับเคลื่อนให้สอดรับกับเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก ซึ่งอนุกรรมาธิการฯ เตรียมเร่งศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเกี่ยวกับมาตรฐานการออกแบบถนนสมบูรณ์ที่ครอบคลุมรูปแบบการเดินทางทั้งทางเดินเท้า ทางจักรยาน ระบบขนส่งมวลชนและรถยนต์ พร้อมกับติดตามมาตรการการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะที่สอดคล้องกับแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนและมติสหประชาชาติ รวมถึงการออกแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินที่สัมพันธ์กับระบบคมนาคมขนส่งและจราจร และการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางที่สอดคล้องกับ SDGs ซึ่งในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. นี้ อนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานฯ จะประชุมนัดแรก โดยจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการและแผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความปลอดภัยทางถนนให้สัมฤทธิ์ผลต่อไป
ขณะที่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า หน้าที่หลักของอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ คือ ศึกษา ติดตามและรายงานความเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางถนน ต่อคณะกรรมการฯ ซึ่งขณะนี้อนุกรรมการฯ อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาศึกษาประเด็นข้อเสนอเชิงนโยบายยกระดับการบังคับใช้กฎหมายเมาแล้วขับกระทำผิดซ้ำ ของศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ซึ่งพบประเด็นปัญหาที่สำคัญ คือ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่ยังมีจุดอ่อน และจะต้องมีการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มแข็ง เช่น กรณีเมาแล้วขับกระทำผิดซ้ำ โดยคณะอนุกรรมการฯ จะได้จัดทำรายงานผลการพิจารณาศึกษา เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการฯ ให้ครอบคลุมทุกมิติต่อไป นอกจากนี้ ยังได้ฝากทิ้งท้ายว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนลดลงได้ เริ่มต้นได้ที่ตัวเราและขยายไปสู่ความร่วมมือของทุกคนในสังคม โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2568 ที่จะถึงนี้ ขอให้ทุกคนใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง มีน้ำใจต่อกัน และฝากถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ฝ่าฝืนกฎจราจร เฝ้าระวังตรวจจับการใช้ความเร็ว เมาแล้วขับ เข็มขัดนิรภัย หมวกกันน็อก ควบคู่ไปกับการมีมาตรการดูแลประชาชนเกี่ยวกับการพักขับรถเมื่อเหนื่อยล้า เช่น มีจุดบริการให้ประชาชนหยุดพักเหนื่อยเพิ่มด่านตรวจวัดวัดความอ่อนล้าในเส้นทางระยะไกล เป็นต้น
นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายวิชาการเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ไทยจะสำเร็จในการลดการสูญเสียชีวิตจากอุบัติบนท้องถนนได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ นับว่ามีบทบาทสำคัญในการตรากฎหมาย การอนุมัติงบประมาณ และกำกับติดตามรัฐบาลให้มีการดำเนินการตามแผนลดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ล่าสุดอนุกรรมการฝ่ายวิชาการฯ ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการฯ ให้จัดสัมมนาโครงการ “รัฐสภาไทย...สานพลังเพื่อความปลอดภัยทางถนน” ในวันที่ 18 ธ.ค. นี้ ที่รัฐสภา โดยได้รับเกียรติจาก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวปาฐกถา “บทบาทของรัฐสภาในการผลักดันนโยบายเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน” และ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง กล่าวปาฐกถา “ทิศทางและเข็มมุ่งของคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน” รวมถึง นายแพทย์พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะมาให้ความรู้อธิบายเกี่ยวกับ สสส.กับการสนับสนุนการสร้างความปลอดภัยทางถนน จากนั้นจะเป็นการเสวนาเพื่อถกแถลง วิพากษ์ และรับฟังความเห็นจากหลายภาคส่วน ซึ่งเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะช่วยสานพลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมเป็นเครือข่ายและดำเนินมาตรการเชิงรุก เพิ่มความเข้มข้นลดอุบัติเหตุทางถนนได้ตามเป้าหมายของประเทศต่อไปได้
เรณู เขมาปัญญา ข่าว เรียบเรียง