นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีการผลิตและส่งออกสินค้าทางการเกษตรและอาหารที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก หรือเรียกว่าเป็นครัวโลก ซึ่งประชากรของไทยกว่าร้อยละ 40 อยู่ในภาคการเกษตร แต่เกษตรกรไทยกำลังเผชิญกับปัญหาที่ถาโถมและท้าทายเป็นอย่างมาก ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ ส่งผลกระทบต่อรายได้ และสร้างปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ปัญหาหนี้สิน ปัญหาครอบครัว ปัญหายาเสพติด และปัญหาคุณภาพชีวิต จึงต้องพึ่งความช่วยเหลือจากรัฐในด้านต่าง ๆ ดังนั้น ตนจึงมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกษตรกรไทยหลุดพ้นจากความยากจน จำนวน 8 ด้าน ได้แก่ ปัญหาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ ขอให้รัฐบาลได้ดำเนินการช่วยเหลือด้านรายได้ และสวัสดิการแก่เกษตรกร เช่น การประกันรายได้ให้กับเกษตรกรในยามที่ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ หรือน้อยกว่าราคาขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนด ทั้ง ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด เพื่อให้เกษตรกรสามารถยังชีพอยู่ได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น รัฐบาลที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการและประสบความสำเร็จ ในการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์ม
ด้านปัญหาราคาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ในส่วนของราคาปุ๋ยเคมีนั้น กระทรวงพาณิชย์ควรมีการควบคุมและปรับราคาปุ๋ยให้ลดลงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในระยะเร่งด่วน และในระยะยาวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรจะสนับสนุนการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม พัฒนาอุตสาหกรรมปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะปุ๋ยโปแทสเซียม ที่ไทยมีศักยภาพในการผลิต ร่วมกับการส่งเสริมกลุ่มผลิตปุ๋ย เพื่อการผลิตปุ๋ยใช้เอง ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพให้เพียงพอ ไปจนถึงการส่งเสริมการผลิตปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนปัญหาผลผลิตล้นตลาด ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งจัดหาตลาดรองรับไว้ก่อนล่วงหน้า และให้ความสำคัญกับการกระจายผลผลิตไปสู่ภูมิภาคอื่น ๆ เช่น มังคุด ลองกอง จากภาคใต้ ไปสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีกทั้งยังควรสนับสนุนการบริโภคผลผลิตทางการเกษตรในประเทศ สนับสนุนการแปรรูปผลผลิตมากยิ่งขึ้น
รวมถึงปัญหาด้านหนี้สินของเกษตรกร ขอให้รัฐบาลได้พิจารณามาตรการช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกร เพื่อลดภาระเกษตรกรเฉพาะหน้าในช่วงที่เศรษฐกิจและราคาพืชผลสินค้าทางการเกษตรตกต่ำเช่นตอนนี้ พร้อมกับต้องเร่งเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรควบคู่ไป เพื่อหลุดพ้นจากกับดักหนี้
ตลอดจน ปัญหาด้านการพัฒนาเกษตรกร ขอให้รัฐบาลพัฒนาทักษะความรู้ให้กับเกษตรกร การพัฒนาการผลิตที่มีคุณภาพ การแปรรูป การเพิ่มมูลค่าสินค้า การบริหารการประกอบการและการเงิน และการวิเคราะห์ต้นทุน ไปจนถึงพัฒนาให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดสินค้า ทั้งระดับภายในและภายนอกประเทศ อีกทั้งยังควรส่งเสริมและให้ความรู้เกษตรกรเกี่ยวกับการทำการเกษตรผสมผสานที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มรายได้เสริม และลดความเสี่ยงต่อการพึ่งพาผลผลิตเพียงชนิดเดียว
ขณะเดียวกัน สำหรับปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านเกษตรกรรม เช่น ระบบการขนส่ง ออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน และเร่งสร้างระบบน้ำและ ชลประทานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกษตรกรประสบอยู่ทั่วประเทศ
พร้อมกันนี้ ขอให้รัฐบาลได้ส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร พัฒนาการบริหารจัดการของกลุ่มและเครือข่ายเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร และวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งการรวมกลุ่มของเกษตรกร จะเป็นพลังต่อรอง เป็นศูนย์รวมของการช่วยเหลือ ถ่ายทอดความรู้ ส่งเสริมกลุ่มให้มีการบริหารจัดการทั้งด้านเงินลงทุน วัตถุดิบและเครื่องจักร การลดต้นทุนการผลิต การจัดจำหน่าย การจัดหาตลอดรองรับ และช่วยให้มีการผลิตสินค้าและบริการใหม่ๆ ได้อย่างยั่งยืน เช่น การสนับสนุนเงินทุนให้กลุ่มประมงท้องถิ่น และการสนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ เป็นต้น
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลได้ดำเนินโครงการการประกันภัยพืชผล เป็นโครงการที่รัฐจะต้องส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของเกษตรกรไทย โดยเป็นการถ่ายโอนความเสี่ยงของเกษตรกรไปยังผู้รับประกันภัย ซึ่งในระยะยาว ยังสามารถช่วยลดความกดดันต่อภาระงบประมาณของรัฐได้อีกด้วย
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง