โดย
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ประธานกรรมธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมาธิการฯ 4-5 ครั้ง ที่ผ่านมา ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขเพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีโอกาสได้รับใบอนุญาตมากขึ้น ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการฯ ยังได้ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิและจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพูดคุยกับผู้ประกอบการสุราชุมชน ที่ยังมีอุปสรรคในเรื่องการดำเนินการต่าง ๆ โดยได้นำข้อเสนอแนะและปัญหาอุปสรรค เข้าหารือกับนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ดูแลและกำกับกรมสรรพสามิตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเมื่อวานนี้ (11 พ.ย. 67) ซึ่งจากการหารือดังกล่าว เห็นร่วมกันว่าฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจะดำเนินการคู่ขนานกัน โดยให้คณะกรรมาธิการฯ เดินหน้าแก้กฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย สามารถเข้าถึงใบอนุญาตได้มากขึ้น แต่ในระหว่างที่ยังแก้กฎหมายไม่แล้วเสร็จ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รับปากว่าจะทยอยผ่อนคลายเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพของผู้ประกอบการ เพื่อให้มีโอกาสในการทำธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันระบบสรรพสามิตของไทยเป็นภาษีฐานเดียว ซึ่งเป็นภาษีจากตัวสินค้า ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการสุราชุมชนรายย่อยหรือรายใหญ่ อยู่ภายใต้ฐานภาษีเดียวกัน จึงทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีโอกาสเติบโตได้น้อย อีกทั้งการเข้าถึงใบอนุญาตตามกฎหมายเป็นไปได้ยาก และเมื่อได้ใบอนุญาตมายังไม่มีแต้มต่อที่จะทำให้รายย่อยสามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวคณะกรรมาธิการฯ ได้ฝากให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังช่วยพิจารณาร่วมด้วย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้พูดถึงเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการสุราชุมชนที่เป็นรายย่อยไม่มีแหล่งทุน เมื่อจะกู้กับธนาคารก็ติดข้อจำกัดว่าธุรกิจสุราเป็นธุรกิจที่ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ เพราะเป็นธุรกิจสีเทา จึงต้องปรับกฎเกณฑ์ให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมองว่าธุรกิจสุราโดยเฉพาะสุราชุมชนเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สามารถต่อยอดเรื่องอื่น ๆ ได้
นายชนินทร์ กล่าวด้วยว่า ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ขณะนี้ตกผลึกไปในทางเดียวกันแล้ว จึงเชื่อว่าจะสามารถจบในชั้นกรรมาธิการได้ในช่วงปิดสมัยประชุม เพื่อให้สามารถบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมได้ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป คาดว่าไม่น่าจะเกินเดือนมกราคม 2568 จะผ่านวาระ 2 และวาระ 3 ของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ ส่วนของฝ่ายบริหาร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รับปากว่า กฎกระทรวงต่าง ๆ จะปรับแก้ทันที ซึ่งอาจจะใช้เวลา 2-3 เดือนหลังจากนี้ที่จะมีกฎกระทรวงฉบับใหม่ให้ผ่อนคลายในบางประเด็น ก่อนที่ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต จะผ่านสภาฯ และประกาศใช้ ซึ่งอาจจะใช้เวลาไปถึงกลางปี 2568 พร้อมเน้นย้ำว่าวัฒนธรรมสุราอยู่กับสังคมไทยมานาน หากนำตัวอย่างจากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นที่สามารถนำวัฒนธรรมสุรามาผลักดันเป็นสินค้าประจำถิ่น จะเห็นว่าสามารถต่อยอดในหลาย ๆ เรื่องได้ ทั้งมิติในเรื่องการท่องเที่ยว การพัฒนารายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกร จึงคาดหวังว่าประเทศไทยจะสามารถส่งออกสุราชุมชนให้เป็น Soft Power ที่เป็นวัฒนธรรมสุราไปยังนานาชาติและเกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นกลไกหนึ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจชุมชนสามารถเติบโตได้ภายใต้รัฐบาลนี้
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
