นายศุภโชติ ไชยสัจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พร้อมด้วยนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีการตอบกระทู้ถามของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถึงกรณีที่รัฐบาลยกเลิกหรือการชะลอในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดจำนวน 8,800 เมกกะวัตต์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.68 ที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น 2 รอบ คือ รอบแรกจำนวนกว่า 5,200 เมกะวัตต์ และรอบที่ 2 จำนวนกว่า 3,600 เมกะวัตต์ เนื่องจากกระบวนการรับซื้อทั้งสองเฟสมีปัญหาหลายด้าน ตั้งแต่ราคารับซื้อไฟฟ้าที่สูงเกินไปจนทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงกว่าที่ควรจะเป็น รวมถึงกระบวนการคัดเลือกผู้ได้รับสัมปทานที่มีช่องโหว่ที่อาจทำให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้นในการจัดซื้อจัดจ้างของทางภาครัฐ ซึ่งการรับซื้อไฟฟ้าราคาสูงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าไฟฟ้าราคาแพงขึ้น เนื่องจากราคาที่ตกลงกันในสัญญาไม่ได้คำนึงถึงการลดลงของต้นทุนผลิตไฟฟ้าในแต่ละปี ทั้งนี้ ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น การตั้งราคาสูงเกินไปโดยไม่ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนจึงทำให้เกิดภาระค่าไฟฟ้าที่สูงเกินความจำเป็น
นายศุภโชติ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเฟสที่สอง 3,600 เมกะวัตต์ ได้ถูกชะลอการลงนามในสัญญาหลังจากที่มีการเรียกร้องจากภาคประชาชน แต่การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเฟสแรก 5,200 เมกะวัตต์ ยังคงดำเนินต่อไป โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไม่ได้ทำหนังสือสอบถามไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการชะลอการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารอบ 5,200 แต่อย่างใด มีเพียงการสอบถามเกี่ยวกับการชะลอการรับซื้อไฟฟ้ารอบ 3,600 เมกะวัตต์ เท่านั้น แต่ยังมีไฟฟ้าอีก 978.2 เมกะวัตต์ ที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายซึ่งรัฐบาลสามารถยกเลิกหรือสั่งชะลอการลงนามได้เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งกฎหมายระบุชัดเจนว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สงวนสิทธิ์ให้สามารถยกเลิกได้ หากมติของ กพช. มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ตนขอเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานและรัฐบาลชี้แจงต่อประชาชนอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมากรณีค่าไฟฟ้าที่สูงเกินไปจนทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่าที่ควรจะเป็น
นายวรภพ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการ คือ รอความชัดเจนจากนโยบายการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) เพื่อให้สามารถเดินหน้าซื้อขายพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนได้โดยตรงจากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไม่ใช่เป็นการซื้อต่อจากการไฟฟ้าเท่านั้น
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง