2 ก.ย.68 - สว.ประหยัด ขอรัฐบาลทบทวนงบประมาณปี 69 ห่วงภัยพิบัติรุนแรง แต่จัดสรรน้อยสวนทางปัญหา เสนอ 3 แนวทางปรับปรุงการบริหารงบให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มวงเงินให้ถึงร้อยละ 10 ของงบประมาณทั้งหมด แก้ไข พ.ร.บ.ปภ. ให้อำนาจท้องถิ่นตัดสินใจประกาศเขตภัยพิบัติ ปรับปรุงระเบียบเงินทดรองราชการช่วยกรณีฉุกเฉิน

image

       นายประหยัด จตุพรพิทักษ์กุล สมาชิกวุฒิสภา(สว.) อภิปรายในการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแล้ว โดยแสดงความกังวลต่อการจัดสรรงบประมาณเพื่อรับมือกับปัญหาภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี แต่กลับได้รับงบประมาณในสัดส่วนที่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับยุทธศาสตร์ด้านอื่น ๆ พร้อมเผยว่างบประมาณในยุทธศาสตร์ที่ 5 ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับจัดสรรเพียง 147,216.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.9 ของงบประมาณทั้งหมด 3,780,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุด และใกล้เคียงกับสองปีที่ผ่านมาที่จัดสรรเพียงร้อยละ 3.8 และ 3.6 เท่านั้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการตัดลดงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 ที่โอนภารกิจจากกรมป่าไม้ไปให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งที่ อปท. ถือเป็นด่านหน้าสำคัญในการรับมือภัยพิบัติ โดยในปี 2569 มี อปท. 1,960 แห่ง ที่ขอรับเงินอุดหนุนเพื่อรับมือไฟป่ารวม 1,447 ล้านบาท แต่กลับได้รับอนุมัติเพียง 122 ล้านบาท หรือเพียงร้อยละ 8.4 ซึ่งลดลงจากปีงบประมาณ 2568 สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง 
นายประหยัด กล่าวอภิปรายให้ข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลเพื่อให้มีการปรับปรุงการนัดสรรและบริหารงบประมาณรับมือกับภัยพิบัติและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลและมีความยั่งยืนในระยะยาว 3 ประการ ได้แก่ 1. เสนอให้รัฐบาลเพิ่มสัดส่วนงบประมาณในยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ด้วยจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของงบประมาณทั้งหมด รวมถึงเพิ่มงบประมาณให้เพียงพอสำหรับ อปท. เพื่อให้สามารถทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการแก้ปัญหาได้อย่างเต็มที่ 2. เรียกร้องให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เพื่อให้ อปท. มีอำนาจตัดสินใจในการประกาศเขตภัยพิบัติระดับท้องถิ่นได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้เงินสำรองฉุกเฉินในการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารประเทศโดยการกระจายอำนาจให้จังหวัดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 โดยมีการนำร่องในจังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่เป็นต้นแบบ และ 3.เสนอให้มีการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินฯ พ.ศ. 2563 เพื่อลดความล่าช้าในการจ่ายเงินช่วยเหลือและเพิ่มวงเงินเยียวยาให้เหมาะสมกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง

ณรารัฎฐ์  โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง
 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ