นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล พร้อมด้วยวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร และนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ในฐานะทีมนโยบายเศรษฐกิจพรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวเสนอแนวทางรับมือนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยเพิ่มร้อยละ 36 ส่งผลทำให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เดิมในราคา 100 บาท จะเพิ่มเป็น 136 บาท ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลงอย่างมาก
โดย นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เป้าหมายของสหรัฐฯ ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน โดยต้องการรายได้ทดแทนภาษีเงินได้ที่จะลด และดึงนักลงทุนกลับสหรัฐฯ หากไม่มีการเจรจาหรือเจรจาไม่สำเร็จ จะกระทบมูลค่าส่งออกรวมมากกว่าร้อยละ 1 ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อาจหดตัวต่ำกว่าเป้าร้อยละ 2 แต่ถ้าเจรจาลดภาษีเหลือร้อยละ 25 GDP จะลดลงร้อยละ 0.8 และหากลดเหลือร้อยละ 10 GDP จะลดลงร้อยละ 0.3 สำหรับกลุ่มสินค้าคาดว่า สินค้าที่จะได้รับผลกระทบหนัก คือ อุปกรณ์สื่อสาร ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ยางล้อ เครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้า อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เพียงภาคส่งออกเท่านั้น แต่การลงทุนของบริษัทต่างๆ ก็จะหยุดชะงักด้วย จึงขอให้รัฐบาล และคณะทำงานผู้ทำหน้าที่เจรจาเร่งทบทวนด้วยการนำตัวเลขอื่นๆ ที่สหรัฐฯ ยังไม่นำมาคำนวณ อาทิ ดุลบริการ ที่สหรัฐฯ ได้ดุลกับไทยอยู่แล้ว
ด้าน นายวีระยุทธ ได้เสนอแนวทางการรับมือเฉพาะหน้าว่าไทยต้องเจรจาอย่างมียุทธศาสตร์ ได้แก่ การใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) ที่ไทยมีอยู่ 166 มาตรการ ต้องนำมาจัดลำดับความสำคัญว่าแต่ละตัวหากเปิดให้สหรัฐฯ แล้วจะส่งผลต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคไทยอย่างไร เลือกทำเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ก่อน อาทิ เพิ่มสิทธิแรงงาน จากนั้นเปิดรับการนำเข้าแบบ “มียุทธศาสตร์” คือ เลือกสินค้าที่เป็นส่วนหนึ่งของซัพพลาย พร้อมย้ำว่า รัฐบาลต้องเปิดข้อมูลผู้ได้ผู้เสียจากของที่จะเอาไปต่อรองสู่สาธารณะ และต้องเริ่มจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีอเมริกาและจีน ว่าไทยจะปรับซัพพลายเชนแต่ละสินค้าอย่างไร เพื่อรับมือภาวะสงครามการค้าที่จะหนักขึ้น
ขณะที่ นายสิทธิพล กล่าวว่า ขอรัฐบาลให้เตรียมรับมือสินค้าจีนทะลัก โดยเร่งดำเนินการมาตรการที่เคยประกาศไว้แล้วแต่ยังไม่มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การกำกับธุรกิจแพลตฟอร์ม e-commerce ต่างชาติให้จดทะเบียนนิติบุคคลในไทย/ การกำหนดให้แพลตฟอร์มรับผิดชอบต่อสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน /การเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และการปรับปรุงมาตรการตอบโต้ทางการค้า เพื่อปกป้องผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs ในกลุ่มเสี่ยง อาทิ เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก และเหล็ก เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาชนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเสนอญัตติด่วนเพื่อเร่งแก้ปัญหา รวมถึงใช้กลไกกรรมาธิการและการสื่อสารสาธารณะในการเสนอแนะรัฐบาล เพราะสงครามการค้ามีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นอีกในอนาคต
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
