23 ธ.ค. 68 – ประธาน กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา ประเมินสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดน ระบุ ประเทศไทยบรรลุวัตถุประสงค์ในการทวงคืนพื้นที่ทับซ้อนได้สำเร็จ ยกเป็นของขวัญปีใหม่แก่ชาวไทย พร้อมย้ำบทบาท กมธ. ในการสนับสนุนสวัสดิการกำลังพลและประสานนโยบายความมั่นคง เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพบรรลุผลสัมฤทธิ์สูงสุด

image

          พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เปิดเผยถึงมุมมองต่อสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยแสดงความชื่นชมต่อผลการปฏิบัติการของกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงที่สามารถทวงคืนพื้นที่อธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกฝ่ายกัมพูชาเข้ายึดครองเพื่อใช้ประโยชน์กลับคืนมาได้สำเร็จในหลายจุด โดยถือว่าผลสำเร็จดังกล่าวเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่าสำหรับประชาชนชาวไทย แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับความสูญเสียของกำลังพลซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ตาม ส่วนสถานการณ์ในระยะต่อไป ตนประเมินว่า ขณะนี้กองกำลังฝ่ายกัมพูชาเริ่มมีสภาวะอ่อนแรงลง ในขณะที่กองทัพไทยยังคงขับเคลื่อนการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักการสร้างสันติภาพและการหยุดยิง โดยรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชาจะต้องเป็นผู้เสนอขอหยุดยิงก่อน และข้อเสนอดังกล่าวจะต้องปรากฏผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมจนกว่าประเทศไทยจะเกิดความมั่นใจ เนื่องด้วยประสบการณ์ในอดีตพบว่ากัมพูชามักไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้ ดังนั้นการปฏิบัติการทางทหารของไทยจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าอีกฝ่ายจะแสดงเจตนารมณ์ในการยุติความขัดแย้งอย่างชัดเจน ส่วนกรณีที่กัมพูชาแสดงออกว่าเป็นฝ่ายโดนกระทำต่อประชาคมโลกโดยอ้างว่าถูกประเทศไทยรุกรานและแสดงเจตนาจะกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจานั้น ตนเชื่อมั่นว่านานาประเทศย่อมเข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากหลักฐานเชิงประจักษ์ในการปะทะแต่ละครั้งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าฝ่ายใดเป็นผู้เริ่มต้นก่อน ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้ปฏิบัติตามกติกาสากลอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด

         พลเอก สวัสดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การยุบสภาและการเข้าสู่ช่วงรัฐบาลรักษาการไม่ได้ส่งผลกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติการทางทหารแต่อย่างใด เนื่องจากการทำงานระหว่างรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงยังคงเป็นไปอย่างใกล้ชิดและมีเอกภาพ โดยรัฐบาลรักษาการยังคงให้ความร่วมมือในการกำหนดนโยบาย ขณะที่ฝ่ายทหารได้ใช้ความสามารถและอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติการอย่างเต็มกำลัง จนเห็นผลสัมฤทธิ์ในการรักษาเอกราชและอธิปไตยได้อย่างมั่นคง ส่วนบทบาทของ กมธ.การทหารฯ นั้น ได้เน้นการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประสานงานด้านข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยหลีกเลี่ยงการลงพื้นที่แนวหน้าในช่วงที่มีการสู้รบเพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระแก่กำลังพล แต่ได้ส่งแรงใจและสนับสนุนสิ่งของอุปโภคบริโภคผ่านช่องทางต่างๆ มาโดยตลอด พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการทำงานของกองทัพ

ปรีณาพรรณ ขวัญสกุล/ ข่าว

อรุณี ตันศักดิ์ดา /เรียบเรียง

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ