คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการธุรกรรมของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) มีมติเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.68 สั่งยึดและอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยิม เลียก และเบน สมิธ รวม 66 รายการ มูลค่ากว่า 9,279 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมโยงกับคดีสแกมเมอร์ (Scammer) ข้ามชาติ ว่า ตนชื่นชม ป.ป.ง. ที่เริ่มต้นทำงานอย่างกล้าหาญและเป็นรูปธรรม สามารถยึดทรัพย์มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทจากขบวนการฟอกเงินข้ามชาติได้สำเร็จ แต่ตนมองว่ากรณีนี้ยังเป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของทรัพย์สินผิดกฎหมายจำนวนมหาศาลที่ยังซุกซ่อนอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึงระดับแสนล้านบาท
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เครือข่ายฟอกเงินจากกัมพูชาและขบวนการสแกมเมอร์ระหว่างประเทศเหล่านี้มีโครงสร้างซับซ้อน มีการเปิดบริษัทบังหน้า บัญชีม้า อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน ทำให้การปราบปรามเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง และต้องให้กำลังใจ ป.ป.ง.ในการเดินหน้าตรวจสอบต่อไป เพราะกลุ่มเหล่านี้ยังมีทรัพย์สินอีกมหาศาล ที่แฝงตัวในระบบเศรษฐกิจไทย และกำลังแทรกซึมเข้ามาสร้างอิทธิพลทางธุรกิจ รวมถึงในตลาดทุนด้วย
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวด้วยว่า เครือข่ายฟอกเงินเหล่านี้เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล นักการเมือง และบริษัทมหาชนบางแห่งในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการรายงานว่าเงินสกปรกจากเครือข่ายสแกมเมอร์ถูกนำไปซื้อหุ้นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของประเทศ จนมีสัดส่วนถือครองเกือบ 25% ซึ่งเพียงพอที่จะครอบงำทิศทางบริษัท และอาจถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินหรือใช้ธุรกิจที่มีคุณค่าของชาติไปกระทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้ ดังนั้น ตนขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าไปตรวจสอบเส้นทางเงินที่เข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าวอย่างละเอียด และมีมาตรการป้องกันเงินฟอกเงินอย่างเคร่งครัด และต้องรับผิดชอบต่อสังคมหากพบว่าผู้บริหารบางรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดช่องให้กลุ่มทุนอาชญากรเข้ามาแทรกแซงระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยจะสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลก ทั้งนี้ พรรคไทยสร้างไทย พร้อมสนับสนุนทุกมาตรการของรัฐที่นำไปสู่การปราบปรามเครือข่ายฟอกเงินและสแกมเมอร์ข้ามชาติอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและสถาบันทางเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
