นายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม วุฒิสภา เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต” ซึ่ง กมธ.ร่วมกับอนุ กมธ.จัดขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองด้านเทคโนโลยีการสื่อสารในการพัฒนาโครงข่ายกระจายเสียงของประเทศ ทั้งระบบอนาล็อกและดิจิทัล (DAB+) พร้อมแนวทางยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับนวัตกรรมสื่อวิทยุในอนาคต โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจากหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษาและองค์กรสื่อที่เกี่ยวข้องกว่า 200 คน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมหมายเลข 402 - 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา)
โดย นายสุทนต์ กล่าวว่า วิทยุท้องถิ่นเป็นสื่อที่อยู่คู่กับชุมชนไทยมาช้านาน เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้าใจและการสื่อสารระหว่างภาครัฐกับประชาชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นให้มีความมั่นคงและเชื่อถือได้ โดยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา วิทยุท้องถิ่นดำเนินการภายใต้ใบอนุญาตทดลอง ที่ต้องต่ออายุทุกปี สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการวิทยุท้องถิ่นและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางกฎหมาย และการขาดการกำกับดูแลและส่งเสริมที่ชัดเจน เห็นได้จากจำนวนสถานีวิทยุท้องถิ่นเดิมประมาณ 10,000 สถานี ได้ลดลงเหลือเพียง 4,000 สถานี ในปัจจุบัน กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งการลดลงของจำนวนสถานีเกิดจากกฎหมายไม่มีความชัดเจน การขาดความมั่นคง และการแข่งขันกับสื่อดิจิทัลในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่สื่อดิจิทัล โซเชียลมีเดีย OTT จนถึง AI ดังนั้น การสัมมนาครั้งนี้ กมธ.และ อนุ กมธ. จะรวบรวมความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่การเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดหลักเกณฑ์หรือการส่งเสริมและกำกับดูแลที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้กับวงการสื่อสารของประเทศไทยในยุคดิจิทัลและ AI
จากนั้นเป็นการบรรยาย เรื่อง "เสียงท้องถิ่นในยุคใหม่ : พัฒนาการการกํากับดูแล และอนาคตของกิจการวิทยุ" และการอภิปราย เรื่อง "20 ปี ที่ รอคอย...การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่น สู่ระบบใบอนุญาต" โดยระบุถึงความสำคัญของวิทยุท้องถิ่น ที่เป็นเอกลักษณ์เปรียบเสมือนเสียงที่ไม่ดับในยามวิกฤต เนื่องจากเป็นระบบสื่อสารที่ใช้ทรัพยากรไม่มากนัก อีกทั้งวิทยุท้องถิ่นยังเป็นเวทีให้ประชาชนในท้องถิ่นได้สื่อสารและมีส่วนร่วม จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาให้มีความมั่นคงและยั่งยืนในการดำเนินกิจการ โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกสู่ดิจิทัล ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้าถึงคลื่นได้มากขึ้น ผสานกับแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Facebook Live Podcast และ App Radio ดังนั้น หลังจากที่วิทยุท้องถิ่นได้รับใบอนุญาต ผู้ประกอบกิจการจะต้องปรับปรุงคุณภาพ สร้างความเชื่อถือและจริยธรรมในสื่อให้มากขึ้น ป้องกันปัญหาข่าวปลอมและคำพูดไม่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนไว้วางใจมากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนากลไก เพื่อสนับสนุนวิทยุเพื่อแจ้งเตือนภัยพิบัติ และสร้างเครือข่ายสื่อชุมชน รัฐ เอกชน และประชาชน
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง