นายกาญจน์ ตั้งปอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงปัญหาเร่งด่วนของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดตรัง จำนวน 2 เรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของชาวสวนยางและชาวสวนปาล์ม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางออก ว่า เรื่องแรก ตนได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรชาวสวนยางพาราในจังหวัดตรังที่ร้องทุกข์ถึงปัญหาการแพร่ระบาดของโรคใบจุดกลม (Colletotrichum Circular Leaf Spot) ซึ่งกำลังขยายวงกว้างอย่างรุนแรงในพื้นที่ โรคชนิดนี้เกิดจากเชื้อราคอลเลโทรติกัม (Colletotrichum) ส่งผลให้ใบยางร่วง สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อต้นยาง และกระทบต่อผลผลิตของชาวสวนยางโดยตรง ตนจึงขอเรียกร้องให้การยางแห่ง (กยท.) และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งดำเนินการ 2 ส่วน ด้วยการให้ความรู้แก่ชาวสวนยางในจังหวัดตรังเพื่อรับมือกับโรค รวมทั้งเร่งหาวิธีการควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโดยเร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
นายกาญจน์ กล่าวถึงปัญหาเร่งด่วนของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดตรัง ในเรื่องที่สอง ว่า ตนพบปัญหาราคาปุ๋ยยางและปาล์ม ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 โดยราคาปุ๋ยปาล์มในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 350-520 บาทต่อกระสอบ (50 กิโลกรัม) แต่ปัจจุบัน กลับมีราคาพุ่งสูงถึง 600-950 บาทต่อกระสอบ (50 กิโลกรัม) ซึ่งปุ๋ยเคมีเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกร การปรับขึ้นราคาส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้และความเป็นอยู่ ตนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ร่วมกันพิจารณาและดำเนินการ จำนวน 2 ข้อ ได้แก่ ข้อแรก มีนโยบายระยะยาว เพื่อลดการนำเข้าและควบคุมราคาปุ๋ย ให้มีเสถียรภาพและเป็นธรรม เพื่อลดต้นทุนทางการเกษตรให้กับชาวสวนยางและชาวสวนปาล์มอย่างยั่งยืน ส่วนข้อที่สอง มีโครงการเร่งด่วนลดราคาปุ๋ยเคมีเพื่อเกษตรกร ซึ่งเป็นโครงการที่ดีและได้หมดลงไปเมื่อเดือนกันยายน 2568 ควรเร่งให้นำกลับมาดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วนนี้
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง
