30 ก.ย.68 - โฆษกรัฐบาล เผยมติ ครม.นัดพิเศษ นายกฯ สั่ง ศชภ. เตรียมงบประจำปีเยียวยาผู้อยู่ในพื้นที่รับน้ำ พร้อมสั่ง ก.มหาดไทย แก้กฎหมายให้ครอบคลุมกลุ่มผู้เสียหายจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันโครงการคนละครึ่งพลัสมีเงินดำเนินการเพียงพอครบถ้วน ขณะตั้ง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นประธานวิปรัฐบาล

image

        นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษในวันนี้ (30 ก.ย.68) ณ อาคารรัฐสภา ว่า ผลการประชุม ครม.นัดพิเศษ ในประเด็นแรก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการพิเศษเนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อประชาชนภายหลังจากได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบภาวะอุทกภัย (น้ำท่วม) ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ตามที่ได้ทราบว่าในแต่ละปีจะมีประชาชนในบางจังหวัดที่เป็นพื้นที่ที่จำเป็นจะต้องรับน้ำเพื่อชะลอไม่ให้น้ำไหลเข้ามาในเมืองหลวง และเมื่อได้เห็นปัญหาดังกล่าวแล้ว พบว่าในแต่ละปีจะมีการสำรวจ 1 ครั้ง และตั้งงบประมาณสนับสนุนเป็นครั้ง ๆ ไป ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้า ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จึงขอให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศชภ.) ทำสถิติข้อมูลและทำให้เรื่องการบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รับน้ำได้รับเป็นเรื่องปกติประจำทุกปี มีการเตรียมตัวเป็นประจำทุกปี เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า

        ส่วนผลการประชุม ครม.นัดพิเศษ ในประเด็นที่สอง เรื่องเงินช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายแดนไทย - กัมพูชา ตามที่นายกรัฐมนตรีได้รับการร้องเรียนมาจากประชาชนจำนวนมากว่าหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือเกี่ยวกับผู้ประสบภัยที่อาศัยอยู่ตามชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ผ่านมายังไม่มีความครอบคลุม ครบถ้วน นายกรัฐมนตรีจึงได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย ทำการทบทวนแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ให้ครอบคลุมกับกลุ่มประชาชน ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์นี้เพิ่มมากขึ้น จากนั้น ในวาระเรื่องอื่น ๆ ที่ประชุม ครม.นัดพิเศษ ได้รับทราบระเบียบต่าง ๆ ว่าในการดำเนินการของทางสภาผู้แทนราษฎร จะต้องมีการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานใด อย่างไรบ้าง 

        นายสิริพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุม ครม. นัดพิเศษ ในวันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการพูดคุยกับทุกภาคส่วนและดำเนินการเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้ขอขยายเวลาในการประกาศพื้นที่ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการขยายเวลาเปิดและปิดด่านชายแดนไทย - มาเลเซีย เพื่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ในการพิจารณาวาระจร พิจารณาการใช้เงินงบกลางเหลือจ่ายประจำปี 2568 กระทรวงการคลังได้ขอใช้เงินงบกลางเหลือจ่าย จำนวน 22,780 ล้านบาท เพื่อเติมเงินเข้าไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และอยู่ในโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่จะได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส คือผู้ที่ได้รับสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.4 ล้านคน โดยจะเติมเงินให้ 2 ครั้ง ครั้งละ 850 บาท ในระยะเวลา 2 เดือน คือ เดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม 2568 จากเดิมได้เดือนละ 300 บาท ในช่วง 2 เดือนดังกล่าวจะได้เงินเพิ่มอีก 850 บาท รวมเป็นเดือนละ 1,150 บาท สำหรับโครงการคนละครึ่งพลัส ในส่วนของประชาชนทั่วไปและประชาชนผู้เสียภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะนำหลักเกณฑ์และรายละเอียดเข้าไปหารือในการประชุม ครม. ครั้งถัดไปในสัปดาห์หน้า ยืนยันว่ามีเงินเพียงพอในการดำเนินการครบถ้วนทั้งนี้ การดำเนินจะใช้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไม่ต้องคนละครึ่ง เนื่องจากเป็นผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น เงินที่เติมเข้าไปจะสามารถใช้จ่ายได้ทันที ไม่ต้องมีส่วนที่ต้องร่วมจ่าย พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังได้ขอให้รัฐบาลกันเงินงบกลางเหลือจ่ายเพื่อนำไปจ่ายหนี้สาธารณะ เป็นหนี้ที่รัฐบาลได้ก่อขึ้นเพื่อสถาบันการเงินมีสภาพคล่องในการบริหารงาน โดยโอนเงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 35,960 ล้านบาท นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุนตามที่กองทัพร้องขอมาเพื่อนำไปใช้ในเรื่องการป้องกันประเทศตามแนวชายแดน จำนวน 864 ล้านบาท ตลอดจน ครม. ยังได้อนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะสำหรับปี 2569 เป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้การดำเนินงานจัดการงบประมาณเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

        โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เรื่องรถไฟฟ้าสายสีแดง ชานเมือง และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่เดิมนโยบายค่าโดยสาร 20 ตลอดสายจะหมดอายุในวันนี้ ที่ประชุม ครม. ในวันนี้จึงได้มีมติให้กลับไปใช้มติ ครม.ของรัฐบาลชุดเดิมที่เคยกำหนดให้หมดอายุนโยบายดังกล่าวในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 และในระหว่างนี้ ในช่วง 2 เดือน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการหาวิธีที่เหมาะสมและยั่งยืน เพื่อลดภาระของประชาชนและต้องไม่เป็นภาระกับภาครัฐ นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. วันนี้ยังได้มีมติตั้งวิปรัฐบาล โดยมี นายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นที่ปรึกษาวิปรัฐบาล และมีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นประธานวิปรัฐบาล ส่วน นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล เป็นรองประธานวิปรัฐบาล

 

คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ