การประชุมร่วมกันของรัฐสภาวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย วันที่ 29-30 กันยายน พ.ศ. 2568 ปิดฉากลงเมื่อเวลา 18.17 น. โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งตลอด 2 วัน มีการอภิปราย ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะต่อคำแถลงนโยบายของรัฐบาลอย่างกว้างขวางจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา อาทิ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานานของประเทศไทย ราคาพืชผลทางการเกษตร ความเข้มแข็งของรัฐบาลและกองทัพในการร่วมมือแก้ปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา การแก้ปัญหาสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยคำนึงถึงมิติแรงงานและผู้สูงอายุ การแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ที่เกิดซ้ำซาก ความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนการปฏิบัติตาม MOA เพื่อเดินหน้าสู่การจัดทำประชามติและแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายภายหลังการรับฟังการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลตลอด 2 วัน ว่า ขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภาที่ให้ความรู้ คำแนะนำ วิจารณ์ และข้อเสนอแนะ ซึ่งรัฐบาลจะนำไปเป็นแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดินต่อจากนี้ พร้อมย้ำว่า หากพบว่ามีใครในรัฐบาลทำผิดกฎหมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งตนเอง จะเร่งรัดให้มีการดำเนินการทันที ระบุด้วยว่า การตอบโต้กันในสภาถือเป็นการทำหน้าที่ ไม่ควรนำออกไปเป็นเรื่องส่วนตัว พร้อมให้คำมั่นว่า 4 เดือนที่เหลือ รัฐบาลและรัฐมนตรีทุกคนจะร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ทะเลาะกัน และแข่งขันกันด้วยความขาวสะอาดและรอยยิ้ม เพื่อให้ประชาชนตัดสินในการเลือกตั้ง โดยยืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจเพื่อกลั่นแกล้งฝ่ายใด
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่า รัฐบาลจะผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนภายในกรอบเวลา แม้เหลือเพียง 4 เดือนก่อนยุบสภา โดยจะสนับสนุนการจัดทำประชามติ และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมขอความร่วมมือจากสมาชิกรัฐสภาให้คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อวางรากฐานให้รัฐบาลชุดต่อไปสานต่อได้ทันที ส่วนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยู่ที่คุณภาพของผู้สมัครและนโยบายของแต่ละพรรค ยืนยันว่า การเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ โปร่งใส ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใด นอกจากนี้ย้ำว่า รัฐบาลไม่ใช่เป็ดง่อย แต่จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถจนถึงวินาทีสุดท้าย ซึ่งก่อนจบการประชุมรัฐสภา ได้ขออนุญาตประธานรัฐสภาใช้ห้องประชุมกรรมาธิการเพื่อประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อทันที เพื่อเดินหน้าในเรื่องจำเป็นและสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชน
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง