เมื่อวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 เวลา 10.30 นาฬิกา (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ในการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 46 พร้อมด้วย นายธนกร ถาวรชินโชติ สมาชิกวุฒิสภา นางสาวสตีจิตร ไตรพิบูลย์สุข รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นางสาวกฤษณี มาศรีจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ นายพีรวีท์ จรัสสิริกุลชัย คณะทำงานทางการเมืองของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ร่วมพบปะหารือกับ นางสุนทร ไซยะจักร รองประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และผู้แทนสมาชิกสภาแห่งชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ ศูนย์การประชุมเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
การพบปะหารือดังกล่าว นายฉลาด ได้กล่าวชื่นชมในความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ ที่มีความผูกพันฉันมิตรมายาวนาน และมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อ พ.ศ. 2493 จวบจนถึงปัจจุบันที่จะครบรอบ 75 ปี ในปลายปีนี้
ในการประชุมครั้งนี้ รัฐสภาไทยมุ่งเน้นการสร้างมิตรภาพและความร่วมมือภายในภูมิภาค การได้พบกับเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกันอย่างเช่น สปป.ลาว สามารถพูดคุยกันได้โดยไม่ต้องผ่านล่าม ถือเป็นการหารือที่อบอุ่นอย่างยิ่ง
สปป.ลาว ยังได้ให้กำลังใจไทยในประเด็นสถานการณ์ชายแดนที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาทางออกที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงต่อกัน เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายและของภูมิภาค
ทั้งนี้ ไทยและ สปป. ลาว เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมายาวนาน มีความใกล้ชิดกันในหลายระดับ โดยเฉพาะในระดับประชาชนที่มีความสนิทสนมกันดั่งเครือญาติ ทั้งยังมีความร่วมมือกันในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ซึ่งฝ่าย สปป.ลาว ได้มีแนวคิดในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในภูมิภาคผ่านการทำวีซ่ารวมประเทศในอาเซียนเหมือนประเทศในยุโรป ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะส่งเสริมความร่วมมือในการขยายการเชื่อมโยงทางการคมนาคม เช่น การคมนาคมทางราง ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันในการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน ผ่านการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟลาว-จีน และเชื่อมต่อมายังไทย มาเลซีย และสิงคโปร์ ด้านความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน เช่น พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ด้านการประมงและด้านแรงงาน ในปัจจุบัน ไทยยังขาดแรงงานอยู่มาก โดยเฉพาะในกิจการประมง ยังมีความจำเป็นต้องอาศัยแรงงานจากลาว ส่วนฝ่ายลาวได้ฝากให้ช่วยดูแลด้านแรงงานอย่างเป็นธรรม เพื่อลดปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งไทยมีความพยายามที่จะผลักดันให้แรงงานถูกกฎหมายโดยลดขั้นตอนการลงทะเบียนแรงงาน และพยายามตัดบุคคลตัวกลางที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจริงสำหรับแรงงานต่างชาติ นอกจากนี้ ยังให้สวัสดิการแรงงานเทียบเท่าคนไทย โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน โดยทั้งสองรัฐสภาพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความความสัมพันธ์และสร้างสรรค์ผลประโยชน์ระหว่างกันต่อไป
สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ข้อมูล / ภาพ