นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และในฐานะโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทการทำงานของพรรคประชาชนร่วมกับพรรคเพื่อไทย ว่า พรรคประชาชน ยืนยันยังคงทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านต่อไป แม้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะมีระยะเวลาทำงาน 4 เดือนแล้วจะมีการยุบสภา ซึ่งพรรคประชาชนจะติดตามการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยว่าจะต้องปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงที่พรรคภูมิใจไทยให้ไว้กับพรรคประชาชนทุกประการ โดยเฉพาะการเดินหน้าปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.68) ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับข้อสรุปจำนวนการทำประชามติว่าจะต้องทำ 2 หรือ 3 ครั้ง และไม่ว่าผลคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร วันที่ 11 ก.ย. ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร จะนัดประชุม กมธ. โดยมีวาระพิจารณาเรื่องการทำประชามติด้วย โดยเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่าง ๆ ร่วมหารือถึงการเดินหน้าจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย นอกจากนี้ พรรคประชาชนจะทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือเข้าข่ายการทุจริตคอร์รัปชัน หรือแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือไม่
นายพริษฐ์ กล่าวถึงแนวทางการผลักดันร่างกฎหมายสำคัญในสภาผู้แทนราษฎร ว่า ปัจจุบัน หากพรรคร่วมฝ่ายค้านสามารถรวมเป็นเสียงข้างมากในสภาได้ ก็จะสามารถผลักดันร่างกฎหมายที่มีความสำคัญได้ อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลาของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนนับจากนี้ หากพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ร่างกฎหมายฉบับใดที่รัฐบาลต้องการผลักดัน และมีความเห็นสอดคล้องกันก็สามารถร่วมกันผลักดันได้ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าพรรคประชาชน ยังทำหน้าที่ฝ่ายค้านและใช้กลไกลของสภาในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่ทั้งการตั้งกระทู้ถาม การเสนอญัตติ กรรมาธิการ การเปิดอภิปรายทั่วไป และการลงมติไม่ไว้วางใจ ย้ำพรรคประชาชนไม่ได้เป็นนั่งร้านให้กับรัฐบาล ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคการเมืองทุกพรรคมีจุดยืนของตัวเอง แต่หากพรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีประเด็นใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ หากพรรคประชาชนเห็นตรงกันก็สามารถผลักดันร่วมกันได้
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง