นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล โฆษกคณะกมธ.และนายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล เลขานุการคณะกมธ. แถลงข่าวถึงผลการประชุมคณะกมธ. ประเด็นโครงการแลนด์บริดจ์ (land bridge) และระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ Southern Economic Corridor (SEC) ว่าวันนี้ (20 ส.ค. 68) ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เข้าหารือประเด็นการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยนายฐิติกันต์ กล่าวว่าที่ผ่านมามีข้อกังวลจากภาคประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะการก่อสร้างที่อาจส่งผลกระทบต่อชาวประมงพื้นบ้านที่มีการติดตั้ง GPS ในการตรวจจับสัตว์ทะเลปรากฏว่าพื้นที่ที่จัดทำการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ land bridge ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันบริเวณจังหวัดระนองและฝั่งอ่าวไทยบริเวณจังหวัดชุมพรนั้น ทับซ้อนกับพื้นที่ทำประมง อีกทั้งยังมีการตั้งคำถามถึงกรณีที่พื้นที่ก่อสร้างตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อนระนองซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ ตลอดจนการทำประชาพิจารณ์ที่ผ่านมายังไม่ได้รับทราบแนวทางการเยียวยาที่ชัดเจนและขาดข้อมูลจากผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง อย่างไรก็ตามคณะกมธ.มีข้อกังวลในประเด็นการทำประชาพิจารณ์เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่ 25 สิงหาคมนี้ จะเป็นเวทีสุดท้ายซึ่งหากยังดึงดันทำรายงาน EIA ต่อไป มองว่าจะประสบปัญหาอยู่ดี ดังนั้นคณะกมธ.จึงมีข้อเสนอแนะให้ สนข.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำผลการศึกษาใหม่โดยเน้นให้มีรายละเอียดมีความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาและเยียวยาให้กับประชาชนอย่างไรบ้าง
นายพูนศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าคณะกมธ.จะนำข้อสรุปทั้งหมดที่ได้ส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ สนข. ในฐานะที่เป็นเจ้าของโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกทั้ง 2 แห่ง ได้กลับไปพิจารณาทบทวนเรื่องความครบถ้วนสมบูรณ์ของรายงาน EIA อีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันจะทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการพิจารณารายงาน EIA ให้รับทราบถึงข้อสังเกตของคณะกมธ.ต่อไป
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง
