โดย
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ว่า ขณะนี้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ หลายคนที่เป็นผู้ใหญ่ของแต่ละพรรคการเมืองมีการปรับเปลี่ยนเข้าสู่กระทรวงใหม่ ทำให้ต้องใช้เวลาในการปรับตัวและวางระบบการทำงาน จึงต้องให้เวลาแต่ละพรรคไปปรึกษาหารือกันว่าจะให้ผู้ใดดำรงตำแหน่ง คาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ตำแหน่งดังกล่าวเป็นโควตาของพรรค แต่สุดท้ายหากมีการเจรจาทางการเมืองเป็นไปอย่างไร ไม่ใช่ปัญหาหลัก เพื่อให้การประชุมสภาฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมย้ำว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง สามารถปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการประชุมได้อย่างเต็มที่ ส่วนกรณีที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง สั่งปิดประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ยืนยันว่า เป็นไปตามความเหมาะสม ไม่เกี่ยวกับองค์ประชุม หรือการมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการประชุมเพียง 2 คน เท่านั้น แต่เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ ไม่มีข้อกังวลใดทั้งสิ้น
ต่อข้อถามถึงผลสำรวจทิศทางการเมืองที่สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แทนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าผลสำรวจถามอย่างไร ซึ่งตนยินดีรับฟัง แต่ในข้อเท็จจริงจาก สส.ที่กลับมาจากการปฏิบัติงานในต่างจังหวัด ยืนยันว่า ยังให้การสนับสนุนนางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งในทางปฏิบัติมีกระบวนการและขั้นตอนที่ชัดเจนตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่การไปดึงบุคคลนอกเข้ามา โดยทางพรรคเพื่อไทยยังมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดต ซึ่งพรรคพร้อมให้การสนับสนุน หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ ตนเห็นว่า ได้ทำงานมา 9 ปีแล้ว อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งองคมนตรี ถือว่าได้ทำงานมาพอสมควรแล้ว อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าจะไม่มีอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น พร้อมย้ำว่า สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันยังคงมีเสถียรภาพ รัฐบาลและรัฐสภายังสามารถเดินหน้าในการทำงานได้ตามปกติ แม้จะมีเสียงสนับสนุนในสภาแบบปริ่มน้ำ แต่ด้วยความร่วมมือและความมีวินัยของสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่าย ทำให้องค์ประชุมยังคงครบถ้วน และสามารถพิจารณากฎหมายต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น
นายวิสุทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหลัก 2 เรื่อง คือ ปัญหากำแพงภาษีสหรัฐฯ และปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะในด้านยาเสพติด โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้เร่งดำเนินการอย่างจริงจัง มีการสั่งการไปยังกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ตำรวจ และทหารทุกหน่วยให้ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ หากสามารถปราบปรามยาเสพติดได้เงินที่เคยไหลออกนอกประเทศเพื่อซื้อยาเสพติดจะหมดไป เศรษฐกิจจะดีขึ้น เพราะเงินจะหมุนเวียนอยู่ในประเทศ ตลอดจนการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากประเทศเพื่อนบ้านจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่ใหม่มีทิศทางชัดเจนในการช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ จึงเชื่อมั่นว่า หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ประเทศจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
