15 มี.ค. 68 - สว.นันทนา เตรียมเสนอญัตติด่วน ขอให้วุฒิสภา ชะลอการพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 18 มี.ค. นี้ ออกไปก่อน จนกว่า กกต. และ DSI จะพิจารณาปมที่มาของ สว. แล้วเสร็จ ชี้ส่งผลกระทบระยะยาว ทำผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระมีความไม่สง่างาม 

image

            นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมด้วย นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ กล่าวถึงกรณีวันอังคารที่ 18 มี.ค. 68 ที่ประชุมวุฒิสภาเตรียมพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ประกอบด้วย ศาสตราจารย์สิริพรรณ นกสวน สวัสดี และนายชาตรี อรรจนานันท์ โดยระบุว่าในกระบวนการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ยังเป็นที่กังขา และเคลือบแคลงสงสัยของประชาชนโดยทั่วไป เพราะขณะนี้การตรวจสอบที่มาของ สว.ทั้งหมด อยู่ในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดังนั้นหากมีการลงมติในวาระดังกล่าว อาจจะส่งผลกระทบระยะยาวเนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระนั้น มีวาระ 7 ปี และหาก สว.ร่วมลงมติไปแล้ว ภายหลังเกิดการตรวจสอบพบว่าที่มาของ สว.ไม่สุจริต จะทำให้ผู้ที่เป็น สว.ในปัจจุบันขาดคุณสมบัติ เมื่อ สว.ขาดคุณสมบัติได้ลงมติเห็นชอบให้กับผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จะส่งผลให้ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นโมฆะ ดังนั้นจึงมองว่าเป็นผลกระทบในระยะยาว จึงขอเรียกร้องให้ สว.ทุกคน ชะลอการลงมติในวาระดังกล่าว และขอให้ยืดระยะเวลาออกไปก่อนจนกว่ากกต. และ DSI จะพิจารณาประเด็นที่มาของ สว. แล้วเสร็จ จนสิ้นข้อสงสัยและยืนยันได้ว่ามีความสุจริตและโปร่งใส จึงจะมาทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อไป ทั้งนี้วันที่ 18 มี.ค. นี้ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ตนจะเสนอญัตติด่วนเพื่อขอมติที่ประชุมต่อไป 

           ด้านนายภัทรพงศ์ กล่าวว่าในฐานะภาคประชาชน ตนไม่เห็นด้วยที่จะมีการลงมติในวันที่ 18 มี.ค. นี้ โดยมีข้อกังวล 3 ประการ คือ ยังคงเหลือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 7 คน ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือแม้แต่หากต่ำกว่า 7 คน แต่ไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ประธานศาลฎีกา และประธานศาลปกครองสูงสุด สามารถสรรหาบุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามมาทำหน้าที่ได้ และแม้ว่าจะมี สว.บางกลุ่มมองว่า สว.ที่ถูกกล่าวหายังคงบริสุทธิ์อยู่ แต่มองว่าการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญอย่างมาก ดังนั้นจึงควรชะลอการลงมติไว้ก่อน จะถือเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ นอกจากนี้ที่ผ่านมาพบว่ามีการแถลงข่าวจากกลุ่มสว.ที่ไปยื่นเรื่องกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วกล่าวอ้างว่าอยู่คนละขั้วกับรัฐบาลปัจจุบัน หากเป็นเช่นนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า สว. พูดถึงการเมืองสามารถพูดได้หรือไม่ แสดงว่าองค์กรอิสระที่จัดตั้งไปคงไม่มีความสง่างาม และปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต อาจเกิดการกลั่นแกล้งทางการเมืองขึ้นได้

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ