นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) 3 ฝ่าย ประกอบด้วย วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปคณะรัฐมนตรี มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะวิปคณะรัฐมนตรี นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือระยะเวลาในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151
ก่อนการประชุม นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่จะให้มีการปรับคำเพื่อให้ญัตติสามารถเดินหน้าไปได้ แต่เรื่องกรอบระยะเวลาในการประชุมนั้น อย่างน้อยฝ่ายค้านขอประมาณ 30 ชั่วโมง ส่วนจะอภิปรายกี่วันขึ้นอยู่กับฝั่งรัฐบาลว่าจะชี้แจงทั้งหมดกี่วัน
ภายหลังการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที นายณัฐพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านยังยืนยันว่าจะกลับไปเจรจากับฝ่ายตัวเองก่อน โดยจะกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 19 มีนาคม นี้ ซึ่งประเด็นที่ยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้ คือ เรื่องกรอบระยะเวลาที่จะใช้ในการอภิปราย โดยจากที่ตนได้ไปหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรและวิปรัฐบาล รวมถึงได้มีการแถลงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้หารือ 2 เรื่องพร้อมกัน คือ ฝ่ายค้านยอมที่จะแก้ไขญัตติตามที่ประธานสภาฯ เสนอมา และยืนยันกรอบระยะเวลา คือ 30 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่าเมื่อเจรจากันในวิป 3 ฝ่ายแล้ว ยังไม่สามารถสรุปเรื่องกรอบระยะเวลาได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลอยากได้กี่ชั่วโมงนั้น ตนยังไม่อยากให้ถาม เพราะจะกระทบกับการเจรจา แต่บอกได้ว่าตัวเลขที่ฝ่ายค้านเสนอไป คือ 30 ชั่วโมง ส่วนทางวิปรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะขอเท่าไหร่ ก็ยินดี แล้วจึงค่อยมาคำนวณ ซึ่งขอยึดที่ตัวเนื้อหา คือ กรอบชั่วโมงก่อน ทั้งนี้ หากเดินตามกรอบไปได้ วันนี้คงได้ข้อสรุป แต่ปรากฏว่ากรอบชั่วโมงที่ฝ่ายค้านเสนอไป ทางฝ่ายรัฐบาลไม่เห็นด้วย จึงทำให้การเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการปรับคำในญัตติบ้างหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าเรื่องตัวญัตติ ตนยังไม่ได้ทำหนังสือส่งถึงประธานสภาฯ อย่างเป็นทางการ ซึ่งตนได้รักษาคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับประธานสภาฯ หากเจรจากับทางวิปร่วมในเรื่องกรอบระยะเวลาได้สำเร็จ ก็พร้อมที่จะปรับคำในญัตติเพื่อให้สามารถเดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ตามกรอบระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ แต่เนื่องจากวันนี้ ยังไม่สามารถเจรจาเรื่องกรอบระยะเวลากันได้ ดังนั้น เรื่องการปรับคำในญัตติ ตนก็ยังไม่สามารถที่จะยื่นต่อประธานสภาฯ ได้
ส่วนรัฐบาลได้มีการแนะนำหรือไม่ว่าอยากให้ปรับคำในญัตติไปในทิศทางใด นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ชัดเจนว่าอย่างไรก็ตามต้องนำชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติ ส่วนจะปรับเป็นคำอื่นอย่างไรนั้น ตนขอให้รอดูข้อสรุปอีกครั้ง เนื่องจากจะปรับเป็นคำใดหรือเรื่องกรอบระยะเวลาในการที่จะอภิปรายนั้นย่อมส่งผลถึงการเจรจา
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นในเดือนนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในมุมของตน คิดว่ายังทันภายในเดือนนี้ เนื่องจากขณะนี้ญัตติสมบูรณ์เสร็จแล้วทุกอย่าง รอเพียงการปรับคำ ก็พร้อมที่จะบรรจุได้ แต่ยังติดอยู่เรื่องเดียว คือ กรอบระยะเวลา ซึ่งจะปิดสมัยประชุมวันที่ 10 เมษายน ดังนั้น ยังเหลือเวลาในการที่จะเจรจาอยู่ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าหากไม่ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ก็อาจจะเป็นต้นเดือนเมษายน
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลเสนอให้อภิปราย 2 วัน และลงมติอีก 1 วัน จะสามารถทำได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ยังหารือกันอยู่ คิดว่าในส่วนนี้ต้องหาจุดตรงกลางร่วมกัน แต่หากดูตามบรรทัดฐานของสภาฯ ในอดีต ตนคิดว่าเนื้อหาสำคัญที่สุด และหากดูจากสิ่งที่ฝ่ายค้านเตรียมมาหลายเดือน ตนยืนยันว่าระยะเวลา 30 ชั่วโมงที่เสนอไปนั้น ไม่ใช่ระยะเวลาที่มากเกินไป เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะก่อนหน้านี้ได้เสนอไป 5 วัน นี่จึงเป็นสิ่งที่ถอยกันเยอะแล้ว ส่วนจะเป็นเส้นตายสุดท้ายหรือไม่นั้น ตนมองว่าหากอยากให้เดินต่อไปได้ต้องยอมถอยคนละก้าว ซึ่งฝ่ายค้านยอมถอยมาแล้วเรื่องระยะเวลา 5 วัน แต่หลักการเนื้อหายังยืนยันตามเดิม จึงอยากให้รัฐบาลกลับไปคุยกันในแต่ละพรรคก่อนเพื่อจะกลับมาหาข้อสรุปในสัปดาห์หน้า
นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า ฝ่ายค้านอยากอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยนี้ แต่ตอนนี้ยังเดินหน้าต่อไม่ได้ เนื่องจากยังไม่สามารถเจรจาลงตัวเรื่องกรอบระยะเวลากับฝ่ายรัฐบาลได้
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง