นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจาก นายณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ นายกสภาสมาคมธรรมาภิบาลและประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต พร้อมด้วยนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และคณะ เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมกรณีการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีระหว่าง พญ.อรเกศ ปัญญาเนตินาถ กับพวก ผู้กล่าวหา นพ.บุญ วนาสิน กับพวก รวม 16 คน และได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เมื่อประมาณปี 2553 และเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ และหลายท้องที่ทั่วประเทศ คิดเป็นค่าเสียหายจำนวน 16,100,602,806 บาท นั้น ในการนี้ สภาสมาคมธรรมาภิบาล มูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต และชมรมสันติประชาธรรม จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร โปรดพิจารณา ดังนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ดำเนินการสอบสวนโบรกเกอร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กลั่นกรองระหว่างผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ จากกรณีการออกหุ้นกู้ยืมของบริษัทหลักทรัพย์ นพ.บุญ วนาสิน กับพวก ที่อาจเข้าข่ายกระทำการอันเป็นการสนับสนุนให้เกิดการกระทำในลักษณะตัวการด้วยหรือไม่ ที่ยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อแยกจากผู้ที่ได้รับความเสียหายอย่างแท้จริง และระงับใบอนุญาตในการดำเนินกิจการอันอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับพยานบุคคลและพยานเอกสาร ตาม มาตรา 16/6 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้กรมสรรพากร ตรวจสอบการทำนิติกรรมระหว่างผู้ถูกกล่าวหากับผู้ที่เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญากู้ยืมหรือหุ้นกู้ ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน เพื่อตรวจสอบการได้ประโยชน์ในอัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ และเมื่อมีรายได้เกิดขึ้นได้ดำเนินการชำระภาษีประมวลรัษฎากรถูกต้องหรือไม่ ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. อายัดบัญชีผู้ที่ได้กระทำนิติกรรมสัญญาต่าง ๆ กับผู้ถูกกล่าวหา เพื่อตรวจสอบว่ามีผลประโยชน์ร่วมในลักษณะสนับสนุนให้เกิดการกระทำการในลักษณะการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ตามมาตรา 3 (3) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เรียกสอบขยายผลทั้งโบรกเกอร์และคู่สัญญาทั้งหมด เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่ามีส่วนร่วมในการสนับสนุนอันเป็นการได้รับผลประโยชน์ร่วมจากการกระทำผิดนี้ด้วยหรือไม่ พร้อมยึดหรืออายัดทรัพย์สินในสิ่งที่ค้นพบหากพบว่ามีส่วน สนับสนุนตัวการที่พึงได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิดนี้ ตามมาตรา 21 ประกอบมาตรา 24 และมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
นายคัมภีร์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ส่วนราชการต่าง ๆ ต้องร่วมกันค้นหาเส้นทางการเงินเพื่อนำมาเยียวยาให้กับผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ ทั้งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งไปยังหน่วยราชการทั้ง 4 หน่วยงานต่อไป
ณรารัฏฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง