นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้การรับรองนางอันนา ฮัมมาร์เกรน (H.E. Mrs. Anna Hammargren) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรสวีเดนแห่งประจำประเทศไทย เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งและกระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศ โดยมีคณะทำงานของประธานรัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมให้การรับรอง ณ อาคารรัฐสภา
ประธานรัฐสภา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ให้การรับรองเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งได้มาทำงานในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้เคยประจำอยู่ที่ราชอาณาจักรโมร็อกโก นับเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ ขณะที่ประเทศไทยและสวีเดนเองมีความสัมพันธ์ที่ดีในทุกระดับโดยระดับรัฐบาลมีการลงนามความร่วมมือในหลายด้าน ขณะที่ภาคเอกชนมีการเข้ามาลงทุนกว่า 70 บริษัท เช่น Volvo Electrolux IKEA ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพ นอกจากนั้น ในส่วนของกองทัพไทยยังมีการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพน (Gripen) ที่ผลิตจากประเทศสวีเดนทดแทนลำเก่าอีกด้วย เนื่องจากเห็นว่ามีประสิทธิภาพ ส่วนการท่องเที่ยว ชาวสวีเดนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย กว่า 100,000 คน และเข้ามาอยู่อาศัยอยู่ในไทยจำนวนหลายพันคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ชื่นชอบกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่อยู่ได้สบายตลอดทั้งปี ขณะที่คนไทยกว่า 50,000 คน ได้ไปสร้างครอบครัวและอยู่อาศัยในประเทศสวีเดน พร้อมกล่าวชื่นชมว่าชาวสวีเดนมีจิตใจดี รวมไปถึงยังกล่าวชื่นชมรูปแบบการปกครองของประเทศสวีเดนที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เหมือนประเทศไทย ทำให้ประเทศมีความสงบสุข
ด้านนางอันนา กล่าวขอบคุณประธานรัฐสภาและคณะ ที่ให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวถึงความสัมพันธ์ของสวีเดนและประเทศไทยว่า เมื่อปีที่แล้วสมเด็จพระราชินีของสวีเดนได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมประชุมเรื่องการยุติการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ในการนั้นสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีของไทยก็ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนั้นด้วย ซึ่งถือเป็นการแสดงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดในระดับราชวงศ์ของทั้งสองประเทศ ส่วนความสัมพันธ์ในระดับรัฐสภา มีการส่งเสริมความสัมพันธ์ โดยจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-สวีเดน และเมื่อปีที่แล้วมีสมาชิกรัฐสภาไทยเดินทางเยือนประเทศสวีเดนเพื่อศึกษาดูงาน รวมถึงยังได้พบปะกับสมาชิกรัฐสภาสวีเดนด้วย จึงต้องการให้มีการสานต่อความสัมพันธ์ให้มากยิ่งขึ้นอีกในอนาคต สำหรับการค้าและการลงทุนของสวีเดนในประเทศไทย ปัจจุบันภาคเอกชนสวีเดนกว่า 120 บริษัท เข้ามาลงทุน ซึ่งตนในฐานะเอกอัครราชทูตฯ จะส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ที่จะมีขึ้นต่อไป ส่วนความสัมพันธ์ระดับประชาชน ทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกัน มีนักท่องเที่ยวชาวสวีเดน มาท่องเที่ยวในประเทศไทยกว่า 200,000 คน มากกว่าก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่คนไทยอาศัยอยู่ในสวีเดนกว่า 70,000 คน ขณะที่ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง เป็นเรื่องน่ายินดีที่กองทัพอากาศไทยได้มีการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่จากสวีเดน ซึ่งโครงการจัดซื้อนี้ได้รวมถึงการอัพเกรด การพัฒนาระบบและความรุ่งเรืองต่าง ๆ ด้านการทหารที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงหวังว่าความสัมพันธ์ในระดับดังกล่าว จะทำให้ประเทศไทยและสวีเดน มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง