21 ส.ค.68- “นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว” นำคณะ สส.พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือ วอนรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาผลผลิตการเกษตรราคาตกต่ำ ทั้งข้าวโพด ลำไย และข้าว สาเหตุผลผลิตล้นตลาด-ต่างประเทศงดรับซื้อ แนะรัฐอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการแทรกแซงราคา เพื่อดูดซับผลผลิตออกจากตลาด หวังลดความเดือดร้อนของเกษตรกร

image

        นายแพทย์ชลน่าน  ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย นำคณะ สส. พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือ ร่วมกันแถลงข่าวปัญหาพืชผลการเกษตรราคาตกต่ำ ทั้งข้าวโพด ลำไย และข้าว ซึ่งเป็นผลผลิตในฤดูการผลิตปีนี้ ซึ่ง สส. พรรคเพื่อไทยภาคเหนือได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และนำมาหารือในที่ประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เพื่อส่งต่อมาตรการไปยังหัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาต่อไป

        นายนิยม  วิวรรธนดิฐกุล สส. จังหวัดแพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตกต่ำ ว่า ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยด่วน ปัจจุบัน มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดกว่า 500,000 ครัวเรือนได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ขณะที่ตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีมูลค่าประมาณ 42,000 ล้านบาท โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยกว่า 95% ถูกส่งเข้าโรงงานผลิตอาหารสัตว์ โดยประเทศไทยผลิตข้าวโพดได้ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี แต่มีความต้องการใช้สูงกว่า 9 ล้านตัน ทำให้ขาดแคลนกว่า 4 ล้านตัน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ว่าจะขาดแคลน แต่ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กลับตกต่ำเกือบทุกปี ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาตกต่ำ คือ 1. ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกัน โดยเฉพาะช่วงเดือน ส.ค. - ธ.ค. หรือเดือน ม.ค. ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก บางครั้งเกินกำลังการรับซื้อของโรงงานอาหารสัตว์ 2. โรงงานอาหารสัตว์ลดการรับซื้อลงอย่างมาก บางแห่งรับซื้อเพียงประมาณ 30% หรือถึงขั้นปิดการรับซื้อ ทำให้ข้าวโพดล้นตลาดและถูกกดราคา และ 3. โรงงานอาหารสัตว์มีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และธัญพืชอื่น ๆ จากประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา บราซิล อาร์เจนตินา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐอเมริกาถูกกว่าข้าวโพดไทยประมาณ 2 บาทต่อกิโลกรัม ณ หน้าโรงงาน ราคา อยู่ที่ประมาณ 7-8 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันเกษตรกรขายข้าวโพดได้เพียงกว่า 5 บาทต่อกิโลกรัม

        นายนิยม กล่าวถึงมาตรการที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วน ว่า ลำดับแรก คือ มาตรการพยุงราคาไม่ให้ตกต่ำเกินไป โดยระงับหรือชะลอการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ในช่วงที่ผลผลิตภายในประเทศออกสู่ตลาดมาก คือตั้งแต่เดือน ส.ค. ถึง ม.ค. รวมทั้งดำเนินมาตรการหยุดดูดซับผลผลิตและแทรกแซงราคา โดยการดูดซับผลผลิตบางส่วนเข้าสู่สต็อกของรัฐ สหกรณ์ หรือเอกชน โดยเชื่อมโยงกับการแปรรูป เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ช่วงเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากและควรมีการแทรกแซง คือ ช่วงเดือน ส.ค. - ม.ค. โดยเฉพาะช่วงเดือน ก.ย. – พ.ย. นอกจากนี้ ยังต้องเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง อาทิ การประกันรายได้ขั้นต่ำ ให้กับเกษตรกรในราคาประมาณ 7.25 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับข้าวโพดที่มีความชื้น 30% โดยพิจารณาถึงการจ่ายเงินอาจพิจารณาตามจำนวนที่ปลูกจริง หรือจำกัดจำนวนไร่ที่เหมาะสม และควรโอนเงินเข้าสู่บัญชีเกษตรกรโดยตรง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย คาดหวังว่ารัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนนี้ และจะติดตามมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลว่าได้ผลหรือไม่ ต่อไป

        นายรังสรรค์  มณีรัตน์ สส. จังหวัดลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาลำไย ล้นตลาดและราคาตกต่ำ โดยคาดการณ์ว่า ปีนี้ผลผลิตลำไยมีจำนวนมหาศาลถึง 100 ล้านกิโลกรัม ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศและน้ำที่ดี ทำให้ลำไยออกผลมากเกินไปจนทำให้ราคาลำไยตกต่ำ แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจากรัฐบาลผ่านโครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาลำไยให้มีคุณภาพระดับ AA ครอบคลุมพื้นที่กว่า 600,000 ไร่ ในภาคเหนือ งบประมาณ 1,000 ล้านบาท พร้อมมอบเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรในอัตรา ไร่ละ 1,400 บาท แต่ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครอบครัว ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี แต่ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลง เนื่องจากเกษตรกรเริ่มเก็บผลผลิตไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 และจะตัดแต่งกิ่งทันทีหลังเก็บเกี่ยว ทำให้เกรงว่าเงื่อนไขการตรวจสอบอาจล่วงเลยไปแล้ว หรือต้องตรวจสอบย้อนหลัง

        ด้าน นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย สส.จังหวัดนครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาราคาข้าวตกต่ำ มากที่สุดในรอบ 20 ปี ว่า ในเดือน ต.ค. ประเทศผู้นำเข้าจะเข้าชะลอการนำเข้าข้าวเปลือกซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ตนมีข้อเสนอให้รัฐบาลกำหนดเกณฑ์ราคาขั้นต่ำ สำหรับพืชผลทางการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ อาทิ ข้าวนาปรัง ควรมีเกณฑ์ราคาชี้เป้าหรือราคาขั้นต่ำที่ 10,000 บาทต่อตัน สำหรับข้าวที่มีความชื้น 25% ข้าวโพด ควรมีราคาอย่างน้อย 7.05 บาท ถึง 7.25 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับข้าวโพดที่มีความชื้น 30% ขณะที่มันสำปะหลัง ควรมีราคาแทรกแซงที่ 3 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับมันสำปะหลังที่มีเชื้อแป้ง 30% ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรเข้ามาดูแลและแก้ไข เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยภาพรวม สิ่งสำคัญ คือ รัฐบาลควรเข้าไปแทรกแซงราคา ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อดูดซับผลผลิตออกจากตลาด และช่วยลดความเดือดร้อนของเกษตรกร

        นายนพพล เหลืองทองนารา สส.จังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กล่าวปิดท้ายว่า การช่วยเหลือที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น เรื่องข้าวหรือสินค้าเกษตรอื่น ๆ ต้องขอบคุณรัฐบาล เนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ขอให้รัฐบาลเตรียมมาตรการรองรับก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นในทุกปี แม้ว่าจะรู้สึกเห็นใจรัฐบาลที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจนส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตทั่วโลก แต่ก็ควรย้อนกลับไปตรวจสอบปัญหาที่เกิดจากขั้นตอนการผลิต เพื่อพัฒนาการผลิตสินค้าทางการเกษตรให้ได้คุณภาพ และคุ้มค่ากับการนำงบประมาณไปอุดหนุนในด้านต่าง ๆ รวมทั้งเตรียมมาตรการรองรับล่วงหน้าสำหรับปัญหาที่คาดคะเนได้ว่าจะเกิดขึ้นในทุก ๆ ปี

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ