นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบคำร้องยุบ 6 พรรคการเมือง เนื่องจากยินยอมให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ชี้นำ ครอบงำการจัดตั้งรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยผู้ร้องอ้างเหตุที่แกนนำพรรคการเมืองเดินทางไปร่วมรับประทานอาหาร และมาม่ากับ นายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองได้ยกคำร้องดังกล่าว ภายหลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้น ทำหน้าที่พิจารณาข้อเท็จจริง ตรวจสอบ และเชิญ 6 พรรคการเมืองเข้าชี้แจง ซึ่งได้รับคำยืนยันว่า การเข้าพบ นายทักษิณ ไม่ได้ทำให้ขาดความอิสระ หรือสูญเสียการตัดสินใจ เพราะองค์ประกอบพฤติการณ์การครอบงำ จะต้องทำให้พรรคขาดความเป็นอิสระ
เลขาธิการ กกต.ยังยอมรับว่า การครอบงำพรรคการเมือง เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ และมีคำร้องระหว่างการพิจารณาอีกมาก ซึ่งข้อเท็จจริง ส่วนใหญ่เป็นการไปพูด ปราศรัย แต่การครอบงำจะต้องพิจารณากฎหมายอย่างละเอียด ซึ่งหากมองผ่าน ๆ หรือความรู้สึกอาจเป็นการครอบงำ แต่ตามกฎหมายแล้ว พรรคการเมืองจะต้องยินยอม และบุคคลนั้นได้ครอบงำ ชี้นำ รวมถึงการครอบงำชี้นำนั้น จะต้องทำให้กิจกรรมของพรรคการเมืองขาดความเป็นอิสระ เมื่อพิจารณากฎหมายครบองค์ประกอบแล้ว ผลการครอบงำนั้น จะต้องทำให้พรรค หรือสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระด้วย ส่วนพฤติการณ์ของ นายทักษิณ ที่ออกมาพูดตามเวทีต่าง ๆ ไม่เข้าข่ายหรือไม่นั้น เลขาธิการ กกต. ระบุว่า ไม่มีหลักฐานที่ฟังได้ว่า เป็นการครอบงำตามกฎหมาย และไม่ใช่ตามความรู้สึก ซึ่งจะต้องนำไปพิจารณาตามมาตราของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมกับเปิดเผยว่ายังมีคำร้อง นายทักษิณ ครอบงำพรรคเพื่อไทย ที่รอการพิจารณาของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่
เลขาธิการกกต. ยังตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณี MOA ระหว่างพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ในการสนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการครอบงำหรือไม่ด้วยว่า หากเป็นการครอบงำจะต้องเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงอีกครั้ง
อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง