21 ส.ค.68 - สส.นพดล พรรคเพื่อไทย เตรียมฟ้องกลับผู้บิดเบือน ปมใส่ร้ายเท็จเรื่องเขาพระวิหาร ยืนยันศาลยกฟ้องแล้ว พร้อมชื่นชมกองทัพปกป้องอธิปไตย ชี้ กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เสนอไทยเดินเกมการทูตเข้มข้น–สร้างสัมพันธ์เพื่อนบ้านที่ยั่งยืน

image

        นายนพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวคัดค้านข้อกล่าวหาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีพิพาทเขาพระวิหาร และเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการจัดการสถานการณ์ปัจจุบันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
        โดย  นายนพดล กล่าวว่า ตนได้ฟัง ดร.มัลลิกา มหาสุข ออกรายการโทรทัศน์ 2 รายการ และได้มีการกล่าวอ้างข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยเฉพาะกรณีถูกกล่าวหาว่าตนเป็นผู้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนเขาพระวิหาร โดยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่า ประเทศกัมพูชานำคดีขึ้นสู่ศาลโลกในปี 2554 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อปี 2551 ได้ดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้องเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 โดยระบุว่าการดำเนินการของตนเป็นไปตามสถานการณ์ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียดินแดน พร้อมย้ำว่าการที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุทำให้เสียเขาพระวิหารเป็นความเท็จอย่างสิ้นเชิงและเตรียมดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงหลายคดี โดยตั้งใจจะนำค่าเสียหายที่ได้ไปบริจาคช่วยเหลือผู้พิการทางสติปัญญา พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยกลัวการถูกใส่ร้าย และจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องเสมอ
          นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตนในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่า ปัจจุบันประชาคมระหว่างประเทศให้ความสนใจและห่วงใยต่อสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนขอแสดงความชื่นชมต่อบทบาทของกองทัพไทยที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมทั้งมีการประสานงานและสื่อสารกับคณะผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนตามข้อตกลงที่มีอยู่ ขณะที่การดำเนินการเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่ดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้ประชาคมระหว่างประเทศได้เห็นว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายที่วางกับระเบิดทั้งที่มีอยู่เดิมและที่วางใหม่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน
        ทั้งนี้ ตนขอเสนอแนวทางในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศเพื่อจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวได้แก่ การดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยไม่ยอมให้กัมพูชาใช้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเสียหายต่อประเทศไทย เนื่องจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจะส่งผลเสียต่อทั้งการเมืองภายในประเทศและการดำเนินการทางการเมืองระหว่างประเทศ พร้อมทั้งดำเนินการอย่างเข้มแข็ง โดยต้องปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องและไม่ประมาทเลินเล่อ และการดำเนินการในเวทีระหว่างประเทศต้องเป็นไปอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำว่า ประเทศไทยในฐานะประเทศขนาดกลางจำเป็นต้องสนับสนุนการดำเนินการในเวทีระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกฎเกณฑ์และกติการะหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่าระบบระหว่างประเทศที่อาศัยกฎเกณฑ์เป็นฐาน ไม่สามารถดำเนินการตามอำเภอใจหรือใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากความชอบธรรมเป็นเครื่องมือสำคัญของไทยที่จำเป็นต้องรักษาไว้
           สำหรับทิศทางในอนาคตของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา นายนพดล มองว่ามีประเด็นสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจำเป็นต้องกลับสู่ภาวะปกติในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากไม่สามารถแยกดินแดนออกจากกันได้ ประการที่สอง ทั้งสองประเทศมีภาระหน้าที่ต่อองค์การอาเซียนในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์การ และประการที่สาม ทั้งสองประเทศมีหน้าที่ต่อประชาชนของตน โดยไม่ว่าผู้ใดจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประโยชน์ของชาติจะต้องเป็นสิ่งที่ได้รับการพิจารณาเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ตนขอให้กำลังใจแก่รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพในการดำเนินภารกิจปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป


อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ