นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้แปรญัตติ มาตรา 4 ภาพรวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท โดยขอปรับลด 5%
นายณัฏฐ์ชนน อภิปรายว่า การจัดทำงบประมาณแบบนี้ทุกปี ประเทศไปต่อไม่ได้ ซึ่งที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่ปรับลด 8,920 ล้านบาท คิดเป็น 0.24% แต่ตนเห็นว่ายังไม่พอ ขอตัดอีกรวม 5% วงเงิน 189,030 ล้านบาท ซึ่งตนรู้สึกหดหู่ เศร้าใจ กับการจัดทำงบประมาณดังกล่าว เห็นแล้วไม่มีความหวัง หากเป็นบริษัทก็คงเจ๊ง เพราะงบประมาณขาดดุลยาวนานถึง 20 ปี จึงอยากให้คนรุ่นใหม่ที่เข้าใจเรื่องงบประมาณมาทำหน้าที่ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และที่สำคัญ คือ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และโดยเฉพาะผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ที่เป็นผู้มีอิทธิพลในการจัดสรรงบประมาณตัวจริง ทั้งก่อนและหลังงบประมาณเข้าสภาฯ ซึ่งถ้าจะให้ตรงเป้าต้องอภิปรายผู้อำนวยการสำนักงบประมาณที่เข้าใจระบบเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ซึ่งต้องกล้าเปลี่ยนแปลงระบบงบประมาณและต้องกล้าในการจัดเก็บภาษี
โดยวิกฤตงบประมาณเกิดจากการขาดดุลต่อเนื่อง ทำให้หนี้สาธารณะขึ้นสูง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2569 เป็นงบประมาณที่ขาดดุล 865,000 ล้านบาท หมายถึง รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ต้องกู้มาอีก ซึ่งขาดดุลมาตั้งแต่ ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน 19 ปี หนี้สาธารณะ 40% โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 รัฐบาลให้ขยายเพดานหนี้ และมีการคาดว่าจะแตะเพดานหนี้ที่กำหนดไว้ที่ 70% ไม่เกิน 2 ปีนี้ แล้วรัฐบาลปัจจุบันและอนาคตจะทำอย่างไร โดยสาเหตุมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำที่สูงเกินถึง 70% เป็นเงินเดือนข้าราชการ สวัสดิการ 23% งบประมาณลงทุน 22.7% ส่วนหนี้สาธารณะ 14 ล้านล้านบาท ซึ่งสรุป 4 ปี งบประมาณหลังจากนี้ ต้องนำเงินมาใช้หนี้สาธารณะ แล้วประเทศจะอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งถึงเวลานี้สำนักงบประมาณต้องทบทวนวิธีการจัดทำงบประมาณและการเก็บภาษีรูปแบบใหม่ หากไม่มีการแก้ไขงบประมาณรายจ่าย ปี 2570 ให้หน่วยรับงบประมาณเริ่มส่งภายในเดือนธันวาคมนี้ ก็จะเหมือนเดิมอีก ที่ให้เสนอมา แล้วนำมาใส่ในกรอบงบประมาณ และที่สำคัญ คือ ต้องกู้เพิ่ม
นายณัฏฐ์ชนน ชี้อีกว่า ร่างกฎหมายงบประมาณผ่านช่องทางเป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ และวุฒิสภา เป็นวังวนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนขอให้รื้อโครงสร้างแผนการทำงบประมาณใหม่ เพื่อประโยชน์ของประเทศ โดยอยากให้รัฐบาลในอนาคตทบทวนให้งบประมาณเกินดุลและทันสมัย ขณะที่ตัวอย่างความล้มเหลวของการจัดสรรงบประมาณ ปี 2568 วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ที่จะนำไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เปลี่ยนเป็นงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้งบประมาณดังกล่าวไปอยู่ที่ไหน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งนโยบายประชานิยมไม่เน้นหารรายได้จัดเก็บ ซึ่งปัจจุบันเกิดวิกฤตหลายเรื่อง ทั้งกัมพูชา เมียนมา 3 จังหวัดชายแดน การค้า และสิ่งสำคัญเรื่องภาษีทรัมป์ 19% ซึ่งสิ่งที่ไทยไปเสนอเพื่อแลกกับภาษีที่ลดลงนั้น ยังไม่มีการเปิดเผย ตลอดจนปัญหาสินค้าเกษตรแทบทุกชนิดมีราคาตกต่ำ ดังนั้น สิ่งที่ตนอภิปรายทั้งหมดนี้ คือ เหตุผลที่ไม่อาจผ่านมาตรา 4 ของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2569 ได้
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
