นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายสุธีรพันธ์ สุขวุฒิชัย ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร รับร่าง พ.ร.บ.สวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จาก นายมานพ คีรีภูวดล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน และคณะ
โดย นายมานพ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535 โดยเพิ่มประเภทของที่ดินที่จะขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าได้ คือ ที่ดินของรัฐทุกประเภทที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินและอนุญาตให้บุคคลทำประโยชน์และอยู่อาศัย (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 4) โดยที่ พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535 มีบทบัญญัติบางประการที่ไม่เหมาะสมและเป็นอุปสรรคต่อการสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการปลูกสร้างสวนป่า โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิในที่ดินของรัฐทุกประเภทที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินและอนุญาตให้บุคคลทำประโยชน์และอยู่อาศัย ยังไม่สามารถนำที่ดินดังกล่าวมาขอขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าได้ เพื่อให้การกำหนดพื้นที่ที่สามารถขอขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าเพิ่มขึ้น ประกอบกับเป็นมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิในที่ดินมีทางเลือกในการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ และเป็นแรงจูงใจให้มีการปลูกสร้างสวนป่าควบคู่ไปกับการบริหารจัดการพื้นที่ป่าไม้ของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งตนได้เคยอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ในงบประมาณปี 2569 โดยเฉพาะเรื่องของยุทธศาสตร์ประเทศในการสร้างรายได้ผ่านมิติเรื่องการสร้างป่าเศรษฐกิจและการสร้างอุตสาหกรรมป่าไม้ให้ประเทศไทย ซึ่งในอดีตสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งไม้ออกไปยุโรปเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ปัจจุบันยังขาดเรื่องของการบริหารจัดการ อีกทั้งประเทศไทยมีศักยภาพในการสร้างเศรษฐกิจบนพื้นฐานทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และความหลากหลายทางชีวภาพ หากแก้กฎหมายฉบับนี้ โดยเพิ่มมิติในการให้พี่น้องประชาชนและภาคธุรกิจเอกชนเข้ามาดำเนินการสร้างป่า โดยเฉพาะป่าเศรษฐกิจที่เรากำหนดไว้ต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ของพื้นที่ป่าทั้งหมด หมายความว่าจะมีจำนวนถึง 80 ล้านไร่ หากทำได้ครึ่งหนึ่งของ 80 ล้านไร่ ประเทศไทยจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ในกระบวนการยกร่าง พ.ร.บ. ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ดูแลกฎหมายฉบับนี้ โดยได้เดินทางไปคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อพบและหารือร่วมกับนักวิชาการ นักการป่าไม้ นักธุรกิจ และภาคประชาสังคม ที่คิดและทำเรื่องนี้ จึงทำให้กฎหมายฉบับนี้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมตั้งแต่นอกสภาจนมาถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ได้เอื้ออำนวยให้กับทีมงาน โดยหลังจากนี้จะได้ประสานกับฝ่ายรัฐบาลว่ามีความพร้อมเพียงใด ประสานกับ สส. พรรคอื่นว่าจะยกร่างประกบด้วย หรือไม่ เพราะกฎหมายฉบับนี้ไม่มีใครเสียประโยชน์แต่จะได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายทั้งประชาชนและประเทศชาติ
ด้าน โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเร่งดำเนินการนำร่างพระราชบัญญัตินี้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาต่อไป
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
