17 ก.ค.68- สมาคมการประมงฯ ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ขอให้ กมธ.ร่วมกัน เร่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 โดยเร็ว ย้ำหากบังคับใช้กฎหมายล่าช้าส่งผลกระทบกับเรือประมงพาณิชย์ เรือประมงพื้นบ้าน และการประกอบอาชีพประมงอาจถึงคราวล่มสลาย

image

        นายมงคล  สุขเจริญคณา ประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้เร่งรัดการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... เป็นการเร่งด่วน โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือแทนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือ และนายเอกชัย เรืองรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และคณะ เป็นผู้รับหนังสือ ทั้งนี้ เนื่องจาก ตามที่ประชุมวุฒิสภา และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติให้ตั้งคณะ กมธ.ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.ประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.68 แต่เพิ่งประชุมนัดแรกในนี้ (17 ก.ค.68) ซึ่งทางสมาคมการประมงฯ มองว่ากระบวนการดังกล่าวมีความล่าช้าอย่างมาก จึงขอเรียกร้องให้ กมธ.ร่วมกันชุดนี้ เร่งรัดในการพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจาก การบังคับใช้ พ.ร.ก.การประมงฯ มาเกือบ 10 ปี เริ่มตั้งแต่ยุครัฐบาลสมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งไม่ได้รับเสียงจากผู้ประกอบการชาวประมงจึงทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจประมง แต่ละปีได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท ประกอบกับขณะนี้ต้องรับมือกับผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐอเมริกาอีก ทำให้จำนวนเรือประมงพาณิชย์ จากเดิมที่มีอยู่ 15,000 ลำ และเรือประมงพื้นบ้านกว่า 20,000 ลำ กฎหมายประมงฯ ทำให้เรือประมงพาณิชย์ เหลือกว่า 9,000 ลำ และสามารถออกเรือได้เพียง 5,000 ลำเท่านั้น ทำให้ประเทศต้องนำเข้าสินค้าอาหารทะเลมาบริโภคปีละกว่า 800,000 ตัน และหากยังไม่แก้ไขกฎหมายประมงฯ ก็อาจทำให้อาชีพประมงทะเลอาจล่มสลายได้ ตนขอให้ทุกพรรคการเมืองช่วยกันผลักดันให้ร่างแก้ไข พ.ร.ก.ประมงฯ ผ่านความเห็นชอบและมีผลใช้บังคับโดยเร็ว

        นายณัฐพงษ์  เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สิ่งที่สมาคมประมงฯ ไม่ต้องการเห็นสภาฯ มีปัญหาจากบริบททางการเมืองจนทำให้เกิดผลกระทบต่อการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.ก.ประมงฯ หรือทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถผ่านความเห็นชอบได้ทันในสภาชุดนี้ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมายที่เป็นประเด็นทางการเมือง และสมาคมประมงฯ ต้องการให้สภาฯ แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด หาก สส. สว. ใน กมธ.ร่วมกันยังมีความเห็นต่างกันอยู่ก็จะส่งผลให้การบังคับใช้ร่างกฎหมายฉบับนี้ต้องล่าช้าออกไป ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบกับชาวประมงทั้งประเทศ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า พร้อมจะทำหน้าที่เพื่อหาทางออกให้กับการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ทันในการทำงานของสภาชุดปัจจุบัน

        นายคัมภีร์   ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ตนจะรีบเรื่องนี้เพื่อดำเนินการต่อไป และจะเชิญชวนให้ สส. ช่วยกันผลักดันให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ประกาศใช้โดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาของชาวประมง ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกัน เพื่อให้อาชีพของคนไทยได้เติบโตและฟื้นคืนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดีขึ้น แม้ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ยังมีปัญหาอยู่ 2 มาตรา แต่เชื่อว่า กมธ.ร่วมกันจะหาทางออกเพื่อประชาชนได้

        นายเอกชัย เรืองรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไว้และจะเร่งผลักดันกฎหมายฉบับนี้ให้ผ่านภายในวุฒิสภาชุดนี้ให้เร็วที่สุด โดยจะคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนให้มากที่สุด

 

ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ